xs
xsm
sm
md
lg

"โอฬาร" เปิดโต๊ะแถลงข่าวรับมือวิกฤต ศก.สหรัฐฯ โชว์ทุนสำรองแสนล.$

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"โอฬาร" เปิดแถลงด่วนรับมือผลกระทบวิกฤต ศก.สหรัฐฯ เข็นสารพัดมาตรการ เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามเข้าไทย ยันมีทุนสำรองกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้านผู้บริหารฯ ธปท.ประกาศพร้อมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องระบบสถาบันการเงิน หากมีผลกระทบลุกลาม เตรียมถกที่ประชุมบอร์ดกนง. 8 ต.ค.นี้
วันนี้ (30 ก.ย.) นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นำคณะกรรมการติดตามแก้ไขสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉินแถลงผลการหารือเร่งด่วนเพื่อกำหนดมาตรการรับมือผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจลุกลามและส่งผลกระทบมาถึงไทย หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (สภาคองเกรส) ปฏิเสธแผนอัดฉีดสภาพคล่อง 7 แสนล้านดอลลาร์ ของรัฐบาล

โดยมาตรการที่ได้หารือกันในวันนี้ มีทั้งระยะสั้น 3 เดือน และมาตรการระยะยาว หลังจากผ่านพ้นระยะดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มมีการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะการแสวงหาความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยมาตรการทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย ตลาดทุน, สภาพคล่อง ต้นทุนทางการเงิน, การส่งออก และ ความร่วมมือทางการเงินกับเอเชีย

"แนวทางของไทย คือการสร้างเกราะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคดังกล่าว ลุกลามเข้ามาในประเทศ โดยแผนรับมือจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ การบริหารจัดการวิกฤตในช่วง 3 เดือน และใช้วิกฤตด้านการเงินของโลกพลิกเป็นโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือทางการเงินกับประเทศในภูมิภาคเอเชียร่วมกัน

ส่วนในด้านตลาดทุนนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะชี้แจงไม่ให้นักลงทุนตื่นตระหนก และแนะนำให้ใช้จังหวะที่ค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยต่ำมากเพื่อเข้าลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและผลประกอบการให้ดี พร้อมทั้งผลักดันให้นักลงทุนสถาบัน ซึ่งได้แก่ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐบาลและเอกชนต่างๆ รวมทั้ง กองทุนที่จัดตั้งโดย ตลท. และบริษัทกองทุนรวม และบริษัทจดทะเบียนที่มั่นคง เช่น Matching Fund และกองทุนพลังงาน ควรเข้าซื้อหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาถูก เพื่อเป็นตัวชี้แนะให้แก่นักลงทุนรายย่อย

ด้านกระทรวงการคลัง เตรียมพิจารณาขยายวงเงินและสัดส่วนการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินออมที่ลงทุนในกองทุนระยะยาวเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนระยะยาวเพื่อการลงทุนหุ้น (LTF) ในระยะ 3 เดือนก่อนสิ้นปี, ตลท.และบริษัทจัดการกองทุนรวม ร่วมกันจัดงานตลาดนัดกองทุนรวมตั้งแต่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

สำหรับด้านสภาพคล่องและต้นทุนทางการเงิน หากมีการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ไทยมีทุนสำรองกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหา, ในกรณีที่ต้องการสภาพคล่องเงินตราต่างประเทศเมื่อมีการลงทุนขนาดใหญ่ กระทรวงการคลังสามารถกู้ G to G ได้ตลอดเวลา, ธปท.จะดูแลสภาพคล่องอย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้กลไกเสริมสภาพคล่องในระยะสั้นให้กับสถาบันการเงินทุกแห่งทันที

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสามารถดูแลให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีสินเชื่อให้ประชาชน และ SMEs อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่ ต.ค.เป็นต้นไป, เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ พัฒนาท้องถิ่นสู่มือประชาชนโดยเร็ว และงบลงทุนภาครัฐ, ชะลอการระดมทุนของต่างประเทศในรูปของบาทบอนด์ จนกว่าปัญหาสภาพคล่องภายในจะคลี่คลาย

ขณะที่ด้านการส่งออก ต้องดูแลตลาดในเอเชียให้ดี และสร้าง Demand ในประเทศชดเชย และสุดท้ายการดำเนินการเชิงรุก โดยร่วมมือกับเอเชีย และความร่วมมือทางการเงินของประชาคมเอเชีย

นายโอฬาร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมคณะกรรมการฯ เชื่อว่าสถาบันการเงินของไทยจะไม่ประสบปัญหาวิกฤต เนื่องจากไม่ได้ปล่อยสินเชื่อด้อยคุณภาพเหมือนเช่นสหรัฐฯ ขณะที่ผลกระทบจากการออกไปลงทุนในตราสารหนี้ เช่น ซับไพรม์โลน อาจมีปัญหาอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก และได่มีการตั้งสำรองรับความเสี่ยงทั้งหมดไปแล้ว

สำหรับความกังวลถึงผลกระทบต่อประเทศไทยในเรื่องระบบสถาบันการเงินและสภาพคล่องนั้น รัฐบาลจะดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเตรียมมาตรการไว้รองรับเพื่อไม่ให้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกลุกลามเข้ามาในไทย

**ธปท..ยันพร้อมอัดฉีดเงินหากมีผลกระทบ

ดร.อัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพการเงิน กล่าวว่า ธปท.ได้เตรียมแผนรับมือผลกระทบจากปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐไม่ให้เกิดวิกฤติในระบบการเงิน และสภาพคล่องของสถาบันการเงินไทย

โดยจะหารือในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 ต.ค.นี้ ซึ่ง ธปท.พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบ เพื่อให้เพียงพอต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ยังเสนอแนวทางเร่งด่วนที่จะรองรับวิกฤติ คือ รัฐบาลต้องมีนโยบายรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ฟื้นความมั่นใจในการใช้จ่าย และฟื้นการลงทุนของภาคเอกชน

รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวอีกว่า เพื่อความไม่ประมาท ธปท.จำเป็นต้องเตรียมรับมือ เพราะไม่แน่ใจว่าความเสียหายของวิกฤติครั้งนี้จะยาวนานและเสียหายมากแค่ไหน โดยรัฐบาลต้องวางแผนรับมือ ขณะเดียวกันจะต้องไม่มีปัจจัยลบภายในประเทศเข้ามาซ้ำเติม โดยเฉพาะปัญหาการเมือง เพราะรัฐบาลควรจะมีเวลาดูแลปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเอาเวลา ไปแก้ปัญหาการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น