xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนแห่ใช้บริการไพรเวตฟันด์ ช่วยบริหารพอร์ตช่วงตลาดผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนส่วนบุคคลรับเงินไหลเข้า 4.6 พันล้านบาท สวนกระแสภาวะการลงทุนทั่วโลกผันผวน ผู้จัดการกองทุนระบุ นักลงทุนสถาบันและบุคคลรายใหญ่ ต้องการผู้เชี่ยวชาญบริหารพอร์ตลงทุนให้ หลังจับทางตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ไม่ถูก ขณะเดียวกัน หวังใช้เป็นช่องทางเก็บเงินเลี่ยง พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก หวั่งแบงก์ล้มซ้ำรอยวิกฤตสถาบันการเงินแดนมะกัน ด้านบลจ.กสิกรไทย ยังครองแชมป์มาร์เกตแชร์เหนี่ยวแน่น ส่วนบลจ.ทิสโก้ โกยเงินเข้าพอร์ตสูงสุด 1,516.73 ล้านบาท

รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยถึงภาพรวมของเงินลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวต ฟันด์) ทั้งระบบ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2551 ว่ามีจำนวนกองทุนที่จัดตั้ง 1,180 กองทุน มีจำนวนเงินลงทุนทั้งระบบ 180,935.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฏาคมที่มีเงินในการลงทุนเพียง 176,330.71 ล้านบาท โดยมีเงินในการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 4,604.39 ล้านบาท หรือ 2.61%
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า สาเหตุที่กองทุนส่วนบุคคลมีเงินลงทุนไหลเข้ามามากขึ้น แม้ว่าภาวะการลงทุนจะผันผวนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและบุคคลรายใหญ่ ต้องการหาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาบริหารจัดการเงินลงทุนให้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ภาวะการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงตลาดตราสารหนี้เอง ผันผวนค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงเห็นเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องของการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก ก็มีผลเช่นกัน เพราะนักลงทุนเห็นตัวอย่างของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องและล้มละลายไป ซึ่งสหรัฐฯ เองก็มีการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากเช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงกังวลว่าหากสถาบันการเงินในประเทศประสบปัญหาดังกล่าว โดยที่เงินฝากเองก็จะไม่ได้รับการคุ้มครอง จึงหาช่องทางในการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน แทนการฝากเงินด้วย

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ เงินลงทุนจะไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะผู้ลงทุนเองรู้จักกองทุนประเภทนี้มากขึ้น รวมทั้งภาวะการลงทุนที่ค่อนข้างผันผวนเช่นนี้ นักลงทุนต้องการคนที่มาดูแลเงินลงทุนให้มากกว่า เพราะผู้จัดการกองทุนเอง มีข้อมูลและการวิเคราะห์การลงทุนอยู่แล้ว

สำหรับบลจ.ทิสโก้เอง ในช่วงที่ผ่านมา มีเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของกองทุนต่างประเทศนั้น ก็มีเงินลงทุนเข้ามาเช่นกัน ทั้งการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ แม้ว่าการลงทุนทั่วโลกจะยังผันผวนอยู่ในขณะนี้ โดยการลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่จะให้ความสนใจภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคปรับลดลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะค่า P/E ที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 11 เท่า ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในรอบ 11 ปี ในขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ ก็ได้รับความสนใจด้วยเช่นกัน โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจบริษัทจัดการที่มีเงินลงทุนสูงสุดในกองทุนส่วนบุคคล 10 อันดับแรก พบว่า อันดับที่ 1 คือ บลจ. กสิกรไทย มีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 34,518.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 738.10 ล้านบาท หรือ 2.19% จากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีจำนวนเงิน 33,780.37 ล้านบาท อันดับที่ 2 คือ บลจ.ทิสโก้ มีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 32,116.97 ล้านบาท โดยมีจำนวนเงินเพิ่มขึ้นถึง 1,516.73 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.96% จากเดือนกรกฏาคม ที่มีจำนวนเงิน 30,600.24 ล้านบาท

ส่วนอันดับที่ 3 ได้เเก่ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โดยมีเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 23,931.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 929.14 ล้านบาท หรือ 4.04% จากเดือนกรกฏาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 23,002.49 ล้านบาท อันดับที่4 คือ บลจ.เอ็มเอฟซี มีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 21,295.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306.02 ล้านบาท หรือ 1.46% จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุน 20,989.97 ล้านบาท

อันดับที่ 5 ได้เเก่ บลจ.วรรณ ซึ่งมีเงินในกองทุนส่วนบุคคล 20,960.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 400.06 ล้านบาท คิดเป็น1.95% จากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีจำนวนเงินเพียง 20,559.97 ล้านบาท ขณะที่อันดับที่ 6 คือ ธนาคารกรุงเทพ มีเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 9,706.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 170.12 ล้านบาท หรือ1.78% จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุน 9,535.97 ล้านบาท

โดยอันดับที่ 7 คือ บลจ.ไทยพาณิชย์ มีเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 6,728.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 25.99 ล้านบาท หรือ 0.39%จากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนเงินเพียง 6,702.98 ล้านบาท อันดับที่ 8 คือ บลจ.บัวหลวง ที่มีเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 5,963.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.98 ล้านบาท คิดเป็น 1.19% จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุน 5,893.75 ล้านบาท

อันดับที่ 9 คือ บลจ.อเบอร์ดีน มีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 4,245.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.52 ล้านบาท คิดเป็น3.37% จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุนอยู่ที่ 4,107.06 ล้านบาท เเละอันดับที่ 10 ได้เเก่ บลจ.อยุธยา ซึ่งมีจำนวนเงินในกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 3,892.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.21 ล้านบาท หรือ 3.10% จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวนเงินในกองทุน 3,775.06 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น