xs
xsm
sm
md
lg

พรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ ชอยซ เอ็คควิตี้ ฟันด์ จับกลยุทธ์"Long-Short”สร้างผลตอบเเทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพิ่มผล ประเสริฐล้ำ
ท่ามกลางความผันผวนเเละไม่เเน่นอนของเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เเต่ปัจจัยที่เข้ามาเสริมให้ตลาดหุ้นบ้านเราไม่เเน่นอนคือปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อ เเละปัจจัยเรื่องการเมือง ซึ่งปัจจัยหลังนั้น ส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยาโดยตรงต่อนักลงทุน หลายคนมองว่าถ้าหาปัจจัยการเมืองคลี่คลายลงตลาดหุ้นบ้านเราจะกลับเข้ามาคึกคักอีกครั้ง

เเต่คำถามที่ถามต่อมาคือ เมื่อไรการเมืองจะคลี่คลาย คงเป็นคำถามที่ยังคงรอคำตอบอยู่ เเต่ในโลกของการลงทุนคงจะรอคำตอบไม่ได้ ทำให้หลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ เริ่มออกกองทุนรวมต่างประเทศหรือ FIF เพื่อสร้างผลตอบเเทนที่ดีกว่าการลงทุนภายในประเทศ ที่สำคัญ ยังสรรหากลยุทธ์การลงทุนหนีความผันผวนเช่นนี้ด้วย

สัปดาห์นี้ คอลัมน์ “MutualFund IPO” ขอเสนอกองทุนเอฟไอเอฟที่ให้ผลตอบเเทนให้กับผู้ลงทุน ไม่ว่าจะตลาดหุ้นหรือเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาวะเเบบไหน นั้นคือกองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ ชอยซ เอ็คควิตี้ ฟันด์ (PCE ) กองทุนภายใต้การบริหารจัดการโดย บลจ.พรีมาเวสท์

กองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ ชอยซ เอ็คควิตี้ ฟันด์ จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AllianzGI Choice Equity Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในตราสารหนี้ หรือเงินฝากสถาบันการเงิน เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงานของกองทุน และเพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุน Master Fund จะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้รูปสกุลเงินสิงคโปร์ดอลลาร์ ทำให้โอกาสความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มลดลง เพราะที่ผ่านมาเงินสกุลสิงคโปร์ดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามักมีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเงินสกุลบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

โดยกลยุทธ์ A Pair Trade Long-Short ที่กองทุนใช้นั้น บริหารกลยุทธ์โดย Oppenheimer Capital LLC (OpCap) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนในกลุ่ม Allianz โดยกลยุทธ์ดังกล่าวสามารถบรรลุเป้าหมายได้โดยการเข้าซื้อหลักทรัพย์ “Long” และขายหลักทรัพย์ “Short” ในอุตสาหกรรมเดียวกันในจำนวน (มูลค่า) เงินลงทุนเท่าๆ กันในทั้งสองหลักทรัพย์ โดยคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่อยู่ในสถานะซื้อ (long position) ได้แก่ หลักทรัพย์ของบริษัทคุณภาพดีที่มีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน มีกลยุทธ์หรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพการแข่งขันและมีความสามารถในการสร้างผลกำไรในระยะยาว

ส่วนหลักทรัพย์ที่อยู่ในสถานะขาย (short position) จะมีคุณสมบัติตรงข้าม ซึ่งภายใต้กลยุทธ์นี้ กองทุนจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนทั้งในภาวะตลาดที่มีแนวโน้มดี หรือภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว จะเป็นอิสระต่อตลาดหุ้นโดยสิ้นเชิง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ซึ่งความสำเร็จของกองทุน จะขึ้นอยู่ผู้บริหารกองทุนและการเลือกหุ้นเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในหุ้นสหรัฐ เนื่องจากมีหุ้นในเลือกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจับคู่ในการทำ Long-Short จะมีตั้งแต่ 15-40 คู่ โดยระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 1 ปี แต่หากการเคลื่อนไหวของหุ้นไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ก็สามารถปิดสถานะก่อนได้ ส่วนผลตอบแทนของกองทุนหลัก

นางสาวศิริพร สุวรรณการ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน บลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวว่า ผลตอบเเทนของกองทุน PCE ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ -26 สิงหาคม 2551 ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.6% ในขณะที่ดัชนี S&P ให้ผลตอบแทน -7.95% และดัชนีดาวน์โจนส์ ให้ผลตอบแทน -10% ซึ่งเเสดงให้เห็นว่ากองทุน PCE นั้นให้ผลตอบเเทนในทุกสภาวะไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง

ขณะเดียวกันบริษัท OpCap นั้นเป็นสถาบันจัดการลงทุนชั้นนำสำหรับผู้ลงทุนสถาบันตั้งเเต่ปี 2512 โดยมีชื่อเสียงด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึก ซึ่งการวิเคราะห์กลยุทธ์หรือรูปเเบบการดำเนินกิจการของธุรกิจนั้น ทาง OpCap คาดการณ์การเติบโตของผลประกอบการ ศักยภาพเเข่งขันเเละความสามารถสร้างผลกำไรในระยะยาวพร้อมกับมุ่งสร้างผลตอบเเทนส่วนเกิน (Alpha)

กองทุน PCE จะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 8-17 กันยายนนี้ เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ซึ่งผู้ลงทุนที่ลงทุนในช่วงระหว่างวันที่ 8-17 กันยายนนี้ พรีมาเวสท์มีของกำนัลมามอบให้ คือ ทุกยอดเงินลงทุน 1 ล้านบาท จะได้รับเช็คของขวัญ 1 พันบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น