บลจ.กสิกรไทยเปิดขายกองเกาหลี 3 กองรวดมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 16 กันยายนนี้ หลังยอดรวมการเปิดขายกองโสมตลอด 9 เดือน 41 มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันประกาศปิดกองหุ้นกู้ในประเทศก่อนกำหนด เหตุมีผู้จองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ขณะที่นักวิเคราะห์คาดดอกเบี้ยพันธบัตรเกาหลีจะยังทรงตัวในระดับ 2% ไปตลอดสิ้นปีนี้
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลี 3 กองทุน ระหว่างวันที่ 10-16 กันยายน 2552 ประกอบด้วย กองทุนเปิดเคพันธบัตรเกาหลี 9 เดือน เอ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปีเอวาย มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน เอ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ นโยบายของกองทุนทั้ง 3 กองจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศเกาหลีใต้ (KEXIM) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นโดย Moody’s S&P และ FITCH อยู่ที่ P1/A1/F1 ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บลจ.กสิกรไทยเป็นบลจ.แห่งหนึ่งที่มีการออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเปิดขายไปแล้วกว่า 41 กองทุนมูลค่า 101,939.37 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 1 ปี 24 กองทุนมูลค่า 62,457.49 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 2 ปี 9 กองทุน มูลค่า 23,875.37 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลี 6 เดือน 6 กองทุนมูลค่า 10,406.29 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 8 เดือน 1 กองทุน 2,814.80 ล้านบาท และกองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 10 เดือนมูลค่า 2,385.42 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังมีการประเมินว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยไปในตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้หลังจากที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมที่ 2% ไปแล้วเมื่อวานนี้ ด้วยเหตุผลของความกังวลด้านเศรษฐกิจที่อาจจะทรุดลงอีกครั้งถ้าหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลา ทำให้จำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคแบบผ่อนคลายจนกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนต่อไปอีกระยะ
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยัง รายงานอีกว่ากองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 42 เดือน เอ (KFI42MA) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 3 กันยายนถึงวันที่ 10 กันยายน 2552 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีจนต้องปิดขายก่อนเวลาที่กำหนด
สำหรับกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี 6 เดือน และเน้นลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีอันดับเครดิตเฉลี่ย A- ซึ่งผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนในระยะยาวในกองทุนดังกล่าว สามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสาร ส่วนการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนนี้ จะทำการจ่ายผลตอบแทนทุก 6 เดือน โดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Automatic Redemption) ซึ่งบริษัทจะแจ้งกำหนดรับซื้อคืนอัตโนมัติแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอีกครั้งเมื่อมีการลงทุนแล้ว
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลี 3 กองทุน ระหว่างวันที่ 10-16 กันยายน 2552 ประกอบด้วย กองทุนเปิดเคพันธบัตรเกาหลี 9 เดือน เอ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปีเอวาย มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน เอ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ นโยบายของกองทุนทั้ง 3 กองจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศเกาหลีใต้ (KEXIM) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นโดย Moody’s S&P และ FITCH อยู่ที่ P1/A1/F1 ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บลจ.กสิกรไทยเป็นบลจ.แห่งหนึ่งที่มีการออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเปิดขายไปแล้วกว่า 41 กองทุนมูลค่า 101,939.37 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 1 ปี 24 กองทุนมูลค่า 62,457.49 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 2 ปี 9 กองทุน มูลค่า 23,875.37 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลี 6 เดือน 6 กองทุนมูลค่า 10,406.29 ล้านบาท กองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 8 เดือน 1 กองทุน 2,814.80 ล้านบาท และกองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 10 เดือนมูลค่า 2,385.42 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังมีการประเมินว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยไปในตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้หลังจากที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมที่ 2% ไปแล้วเมื่อวานนี้ ด้วยเหตุผลของความกังวลด้านเศรษฐกิจที่อาจจะทรุดลงอีกครั้งถ้าหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลา ทำให้จำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคแบบผ่อนคลายจนกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนต่อไปอีกระยะ
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยัง รายงานอีกว่ากองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 42 เดือน เอ (KFI42MA) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 3 กันยายนถึงวันที่ 10 กันยายน 2552 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีจนต้องปิดขายก่อนเวลาที่กำหนด
สำหรับกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี 6 เดือน และเน้นลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีอันดับเครดิตเฉลี่ย A- ซึ่งผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนในระยะยาวในกองทุนดังกล่าว สามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสาร ส่วนการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนนี้ จะทำการจ่ายผลตอบแทนทุก 6 เดือน โดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Automatic Redemption) ซึ่งบริษัทจะแจ้งกำหนดรับซื้อคืนอัตโนมัติแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอีกครั้งเมื่อมีการลงทุนแล้ว
