บลจ.ยูโอบีเผยยูนิตลิงก์ยังค่อนข้างเงียบ และไม่มีความคืบหน้ามากนัก เตรียมเข็นกองบอนด์กิมจิกอง 2 ออกมา หลังจากผลตอบรับค่อนข้างดี แต่ต้องดูยิลด์ในตลาดอีกครั้งด้วย พร้อมแย้มจ่อคิวออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มาหลังกอง ‘ซุปเปอร์ สไตรค์ 3’
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเข้าไปร่วมมือกับบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท มิเลนเนียม โกรว์ธ (UOBSMG) พบว่าในปัจจุบันยังค่อนข้างเงียบ และไม่มีความคืบหน้ามากนัก ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โคเรียน บอนด์ 12/1 (UOBKR 12/1) ที่ยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ – 8 ตุลาคม 2552 ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะว่าเป็นกองทุนเกาหลีกองทุนแรก ขณะที่กองทุนที่ 2 มีโอกาสออกมาอีก แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในตลาดด้วย โดยผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะส่งกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3) ออกมาในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาออกกองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) รวมทั้งหุ้นจีนออกมาด้วย แต่คาดว่าจะเปิดขายหลังกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3)
นายวนา กล่าวว่า ส่วนการเข้าไปร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ในการแต่งตั้งเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้กับบริษัทเพื่อที่จะใช้กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) มาเป็นที่พักเงินสำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหุ้น ในปัจจบันนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมาลงทุนมากนัก เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้ปรับขึ้นไปมาก จึงต้องการเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่าการนำเงินเข้ามาพักซึ่งได้ผลตอบแทนน้อยกว่า
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนไม่สูง แต่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว และไม่สามารถปรับเปลี่ยนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้ เพราะว่านโยบายกำหนดไว้ ในปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มอายุของตราสารหนี้ที่เข้าลงทุนเป็นอายุ 1 เดือนแทน จากเดิมที่ลงทุนในตราสารหนี้อายุประมาณ 14 วัน หากเปรียบไปแล้วยังมีความปลอดภัยสูงกว่าเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และไม่เสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต เรตติ้ง) ของตราสารหนี้ลง ทำให้บริษัทเริ่มหันมาพิจารณาการลงทุนหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ที่มีวิกฤตการณ์บริษัทไม่ได้ให้ความสนใจในหุ้นกู้เอกชน แม้ว่าจะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่กลับให้ความสนใจเฉพาะหุ้นกู้เอกชนที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์เท่านั้น เพราะมองว่ามีความมั่นคง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีโอกาสล้มได้ แต่ค่อนข้างน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่ยังอยู่ในระหว่างการปรับแนวทาง และกรอบของการลงทุน ซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และมีขั้นตอนค่อนข้างมาก
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเข้าไปร่วมมือกับบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท มิเลนเนียม โกรว์ธ (UOBSMG) พบว่าในปัจจุบันยังค่อนข้างเงียบ และไม่มีความคืบหน้ามากนัก ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โคเรียน บอนด์ 12/1 (UOBKR 12/1) ที่ยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ – 8 ตุลาคม 2552 ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะว่าเป็นกองทุนเกาหลีกองทุนแรก ขณะที่กองทุนที่ 2 มีโอกาสออกมาอีก แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในตลาดด้วย โดยผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะส่งกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3) ออกมาในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาออกกองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) รวมทั้งหุ้นจีนออกมาด้วย แต่คาดว่าจะเปิดขายหลังกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3)
นายวนา กล่าวว่า ส่วนการเข้าไปร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ในการแต่งตั้งเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้กับบริษัทเพื่อที่จะใช้กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) มาเป็นที่พักเงินสำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหุ้น ในปัจจบันนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมาลงทุนมากนัก เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้ปรับขึ้นไปมาก จึงต้องการเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่าการนำเงินเข้ามาพักซึ่งได้ผลตอบแทนน้อยกว่า
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนไม่สูง แต่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว และไม่สามารถปรับเปลี่ยนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้ เพราะว่านโยบายกำหนดไว้ ในปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มอายุของตราสารหนี้ที่เข้าลงทุนเป็นอายุ 1 เดือนแทน จากเดิมที่ลงทุนในตราสารหนี้อายุประมาณ 14 วัน หากเปรียบไปแล้วยังมีความปลอดภัยสูงกว่าเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และไม่เสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต เรตติ้ง) ของตราสารหนี้ลง ทำให้บริษัทเริ่มหันมาพิจารณาการลงทุนหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ที่มีวิกฤตการณ์บริษัทไม่ได้ให้ความสนใจในหุ้นกู้เอกชน แม้ว่าจะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่กลับให้ความสนใจเฉพาะหุ้นกู้เอกชนที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์เท่านั้น เพราะมองว่ามีความมั่นคง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีโอกาสล้มได้ แต่ค่อนข้างน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่ยังอยู่ในระหว่างการปรับแนวทาง และกรอบของการลงทุน ซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และมีขั้นตอนค่อนข้างมาก
