“กองทุนเปิด เอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08” ใกล้หมดอายุต้นเดือนกันยายนนี้ บลจ.นครหลวงไทย เตรียมเปิดกองใหม่รองรับเม็ดเงินลงทุนเดิม ชูจุดเด่นลงทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ระยะเวลา 1ปี รับผลตอบแทนประมาณ 4.1% คาดหลังก.ล.ต.ไฟเขียวเตรียมเปิดขายได้ภายในสัปดาห์หน้า ล่าสุดมีเม็ดเงินลงทุนแดมโสมรวมกันทั้งสิ้นแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท
นายนพพร ลิมปวุฒิวรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่าโครงการกองทุนเปิด เอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI FT 6M/08) จะครบกำหนดอายุโครงการฯ ในวันที่ 2 กันยายน 2551 นี้ ซึ่งบริษัทขอเรียนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับทราบทั่วกัน
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเลิกโครงการดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริษัทฯ จะดำเนินการเลิกกองทุนรวมตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ในโครงการฯ และจะทำการคืนเงินลงทุนพร้อมผลประโยชน์ตอบแทนตามสัดส่วนจำนวนหน่วยลงทุน ดังหลักฐานที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันเลิกโครงการให้กับท่านตามวิธีที่ระบุไว้ในใบคำขอเปิดบัญชีกองทุน ภายในวันที่ 3 กันยายน 2551 นี้ อย่างไรก็ตามหากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด ฝ่ายบริการลูกค้า Call Center โทร 0-2624-8555
ด้านนายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดรั้งกองทุนใหม่ทดแทนกองทุน SCI FT 6M/08 ที่จะหมดอายุในต้นเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดขายโครงการใหม่ได้ภายในสัปดาห์หน้า
โดยนโยบายการลงทุนของกองทุนใหม่ จะเน้นลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ของรัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นระยะเวลา 1ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ลงทุนได้ประมาณ 4.1% และเป็นเหมือนการยืนยันว่าการลงทุนในเกาหลีใต้ ยังมีโอกาสที่ได้รับผลตอบแทนสูง เพียงแต่ต้องลงทุนในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน บลจ.นครหลวงไทย มีเม็ดเงินลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ประมาณ 5,000 ล้านบาท และบริษัทเชื่อว่าจากผลการดำเนินงานที่ออกมา ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการบริหารกองทุน รวมถึงการคัดเลือกสินค้าทางการเงินที่มีคุณภาพ จะทำให้กองทุนที่จะเปิดขายได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเช่นเดิม
ส่วนกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้สถานบันการเงินในกลุ่มประเทศยุโรป (อีซีพี) ในปีที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนบลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่าทุกกองที่เปิดขายได้ครบกำหนดไปหมดแล้ว และส่วนใหญ่เม็ดเงินดังกล่าว ลูกค้าได้ตัดสินใจลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในเกาหลีของบริษัทต่อไป เพราะหากเทียบถึงศักยภาพสินค้าแล้ว จากเดิมที่เป็นตราสารหนี้ของภาคเอกชน หรือสถาบันการเงิน กับพันธบัตรของรัฐบาลแล้ว ถึงว่าสินค้าของภาครัฐมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
สำหรับ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 ณ ขณะนี้มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของกองทุนประมาณ 550 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 6 เดือน ซึ่งได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 18 - 25 กุมภาพันธ์ 2551 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ หรือตราสารกึ่งหนี้ กึ่งทุนหรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกออกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามประกาศก.ล.ต.กำหนด
อนึ่ง หลังจากเริ่มไตรมาส 3/2551 บรรยากาศการลงทุนในกองทุนรวมเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง หลังจากช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจกองทุนรวมขยายตัวได้เพียง 0.93% เท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจตัวเลขเงินลงทุนในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าเริ่มเห็นเงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2551 มีเงินลงทุนในกองทุนรวมทั้งสิ้น 1,455,074.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 13,510.78 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,441,563.28 ล้านบาท ณ สิ้นสุดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วง 6 เดือนแรก ที่มีเงินลงทุนเพิ่มเพียง 13,265.18 ล้านบาทเท่านั้น
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) เป็นหลัก ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 216,621.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 14,805.21 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวม ณ วันที่ 27 มิถุนายน ที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 201,815.95 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่ให้กองทุนรวมเอฟไอเอฟมีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลมาจากกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทางการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ หรือ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งเปิดขายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทยอยครบอายุไปหมดแล้ว ทำให้สัดส่วนของกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่บริษัทจัดการกองทุนนิยมเปิดขายออกมาเป็นจำนวนมาก สามารถเข้าไปชดเชยกองทุนที่ครบอายุได้หมด จึงเห็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยหลังจากเชื่อว่ากองทุนเอฟไอเอฟจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มกองทุนบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ยังเปิดขายออกมาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุการลงทุนประมาณ 1 ปี
นายนพพร ลิมปวุฒิวรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่าโครงการกองทุนเปิด เอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI FT 6M/08) จะครบกำหนดอายุโครงการฯ ในวันที่ 2 กันยายน 2551 นี้ ซึ่งบริษัทขอเรียนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับทราบทั่วกัน
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเลิกโครงการดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริษัทฯ จะดำเนินการเลิกกองทุนรวมตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ในโครงการฯ และจะทำการคืนเงินลงทุนพร้อมผลประโยชน์ตอบแทนตามสัดส่วนจำนวนหน่วยลงทุน ดังหลักฐานที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันเลิกโครงการให้กับท่านตามวิธีที่ระบุไว้ในใบคำขอเปิดบัญชีกองทุน ภายในวันที่ 3 กันยายน 2551 นี้ อย่างไรก็ตามหากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด ฝ่ายบริการลูกค้า Call Center โทร 0-2624-8555
ด้านนายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดรั้งกองทุนใหม่ทดแทนกองทุน SCI FT 6M/08 ที่จะหมดอายุในต้นเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดขายโครงการใหม่ได้ภายในสัปดาห์หน้า
โดยนโยบายการลงทุนของกองทุนใหม่ จะเน้นลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ของรัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นระยะเวลา 1ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ลงทุนได้ประมาณ 4.1% และเป็นเหมือนการยืนยันว่าการลงทุนในเกาหลีใต้ ยังมีโอกาสที่ได้รับผลตอบแทนสูง เพียงแต่ต้องลงทุนในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน บลจ.นครหลวงไทย มีเม็ดเงินลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ประมาณ 5,000 ล้านบาท และบริษัทเชื่อว่าจากผลการดำเนินงานที่ออกมา ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการบริหารกองทุน รวมถึงการคัดเลือกสินค้าทางการเงินที่มีคุณภาพ จะทำให้กองทุนที่จะเปิดขายได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเช่นเดิม
ส่วนกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้สถานบันการเงินในกลุ่มประเทศยุโรป (อีซีพี) ในปีที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนบลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่าทุกกองที่เปิดขายได้ครบกำหนดไปหมดแล้ว และส่วนใหญ่เม็ดเงินดังกล่าว ลูกค้าได้ตัดสินใจลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในเกาหลีของบริษัทต่อไป เพราะหากเทียบถึงศักยภาพสินค้าแล้ว จากเดิมที่เป็นตราสารหนี้ของภาคเอกชน หรือสถาบันการเงิน กับพันธบัตรของรัฐบาลแล้ว ถึงว่าสินค้าของภาครัฐมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
สำหรับ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 ณ ขณะนี้มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของกองทุนประมาณ 550 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 6 เดือน ซึ่งได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 18 - 25 กุมภาพันธ์ 2551 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ หรือตราสารกึ่งหนี้ กึ่งทุนหรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกออกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามประกาศก.ล.ต.กำหนด
อนึ่ง หลังจากเริ่มไตรมาส 3/2551 บรรยากาศการลงทุนในกองทุนรวมเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง หลังจากช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจกองทุนรวมขยายตัวได้เพียง 0.93% เท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจตัวเลขเงินลงทุนในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าเริ่มเห็นเงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2551 มีเงินลงทุนในกองทุนรวมทั้งสิ้น 1,455,074.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 13,510.78 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,441,563.28 ล้านบาท ณ สิ้นสุดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วง 6 เดือนแรก ที่มีเงินลงทุนเพิ่มเพียง 13,265.18 ล้านบาทเท่านั้น
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) เป็นหลัก ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 216,621.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 14,805.21 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวม ณ วันที่ 27 มิถุนายน ที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 201,815.95 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่ให้กองทุนรวมเอฟไอเอฟมีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลมาจากกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทางการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ หรือ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งเปิดขายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทยอยครบอายุไปหมดแล้ว ทำให้สัดส่วนของกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่บริษัทจัดการกองทุนนิยมเปิดขายออกมาเป็นจำนวนมาก สามารถเข้าไปชดเชยกองทุนที่ครบอายุได้หมด จึงเห็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยหลังจากเชื่อว่ากองทุนเอฟไอเอฟจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มกองทุนบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ยังเปิดขายออกมาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุการลงทุนประมาณ 1 ปี
