บลจ.นครหลวงไทยชี้ผลตอบแทนในช่วงปลายปีนี้ปรับตัวขึ้น หลังจากวิกฤติในสหรัฐส่อแววจบลงต้นปีหน้า พอใจปิดไอพีโอกองทุนเปิดเอสซีไอพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 2Y/3 ได้ 680 ล้านบาท เหตุภาวะการณ์ตลาดผันผวน และเป็นกองทุนที่มีอายุยาวถึง 2 ปี คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี เมินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ เนื่องจากผลตอบแทนไม่น่าสนใจ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนนักลงทุนเข้าไปลงทุนค่อนข้างสูงแล้ว
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนหุ้น นับจากต้นปี 2551 ที่ผ่านมายังไม่ค่อยดี โดยผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมามาก หลังจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบมาก แต่คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ผลตอบแทนของกองทุนหุ้นจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าวิกฤตการณ์ในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และมีแนวโน้มจะจบประมาณต้นปี 2552 โดยมองว่าอย่างน้อยผลตอบแทนของกองทุนหุ้นในปลายปีนี้น่าจะอยู่ในแดนบวกได้
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 2Y/3 (SCI Phantabat Protection Fund 2Y/3 : SCI PPB 2Y/3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 2 ปี ซึ่งได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 22-29 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น สามารถระดมทุนได้ประมาณ 680 ล้านบาท ถือว่าน่าพอใจในภาวะการณ์ที่ตลาดมีความผันผวน และเป็นกองทุนที่มีอายุโครงการยาวถึง 2 ปี คาดว่ากองทุนนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีนโยบายในการออกกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในพันธบัตรในประเทศ ที่มีอายุโครงการ 2 ปีเช่นเดียวกันกับกองทุน SCI PPB 2Y/3 อีก เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงมามาก หากออกกองทุนมาอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนก็ได้ แต่ยังคงมีการขายกองทุนในลักษณะโรลโอเวอร์ตามปกติ ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย นั้น บริษัทไม่มีนโยบายในการออกอีกแล้ว เนื่องจากไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะที่กองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในกองทุนในลักษณะนี้ค่อนข้างสูงแล้ว
สำหรับกองทุน SCI PPB 2Y/3 จะนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อมุ่งที่จะคุ้มครองเงินต้นทั้งจำนวน ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตราสารภาครัฐต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก (Category) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือเงินฝาก บัตรเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ หรือ บริษัทเงินทุนเป็นต้น มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นเกือบทั้งหมดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ทั้งนี้ อัตราส่วนการลงทุนข้างต้นจะไม่นำมาใข้บังคับในช่วงระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการแรกนับจากวันเริ่มต้นอายุโครงการ และระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการก่อนวันครบกำหนดอายุโครงการ
นายนที กล่าวว่า ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองใหม่นั้น ยังไม่ความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจ โดยบริษัทจะเน้นลงทุนในโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นหลัก ส่วนทำเลนั้น จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่จังหวัดท่องเที่ยว และใจกลางเมือง
ก่อนหน้านี้ นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเสนอขายได้ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมองว่าคู่แข่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่เน้นเจาะลูกค้าชาวสิงคโปร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าทำเลสุขุมวิท ที่ส่วนใหญ่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยว ทำให้มีความผันผวนของการเข้าพักอาศัยค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงสภาวะการณ์ตลาดที่มีความผัวผวนสูง ทำให้อัตราผลตอบแทน และอัตราดอกเบี้ยมีความใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ดอกเบี้ยอาร์/พี) จะส่งผลให้ขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทรได้ง่ายขึ้น แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้การเปิดขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์มีความเสี่ยงสูงขึ้น และขายลำบากมากขึ้น โดยในปีแรกจะมีการรับประกันรายได้ของกองทุนที่ 8%ต่อปี
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนหุ้น นับจากต้นปี 2551 ที่ผ่านมายังไม่ค่อยดี โดยผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมามาก หลังจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบมาก แต่คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ผลตอบแทนของกองทุนหุ้นจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าวิกฤตการณ์ในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และมีแนวโน้มจะจบประมาณต้นปี 2552 โดยมองว่าอย่างน้อยผลตอบแทนของกองทุนหุ้นในปลายปีนี้น่าจะอยู่ในแดนบวกได้
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 2Y/3 (SCI Phantabat Protection Fund 2Y/3 : SCI PPB 2Y/3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 2 ปี ซึ่งได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 22-29 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น สามารถระดมทุนได้ประมาณ 680 ล้านบาท ถือว่าน่าพอใจในภาวะการณ์ที่ตลาดมีความผันผวน และเป็นกองทุนที่มีอายุโครงการยาวถึง 2 ปี คาดว่ากองทุนนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีนโยบายในการออกกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในพันธบัตรในประเทศ ที่มีอายุโครงการ 2 ปีเช่นเดียวกันกับกองทุน SCI PPB 2Y/3 อีก เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงมามาก หากออกกองทุนมาอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนก็ได้ แต่ยังคงมีการขายกองทุนในลักษณะโรลโอเวอร์ตามปกติ ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย นั้น บริษัทไม่มีนโยบายในการออกอีกแล้ว เนื่องจากไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะที่กองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในกองทุนในลักษณะนี้ค่อนข้างสูงแล้ว
สำหรับกองทุน SCI PPB 2Y/3 จะนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อมุ่งที่จะคุ้มครองเงินต้นทั้งจำนวน ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตราสารภาครัฐต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก (Category) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือเงินฝาก บัตรเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ หรือ บริษัทเงินทุนเป็นต้น มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นเกือบทั้งหมดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ทั้งนี้ อัตราส่วนการลงทุนข้างต้นจะไม่นำมาใข้บังคับในช่วงระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการแรกนับจากวันเริ่มต้นอายุโครงการ และระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการก่อนวันครบกำหนดอายุโครงการ
นายนที กล่าวว่า ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองใหม่นั้น ยังไม่ความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจ โดยบริษัทจะเน้นลงทุนในโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นหลัก ส่วนทำเลนั้น จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่จังหวัดท่องเที่ยว และใจกลางเมือง
ก่อนหน้านี้ นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเสนอขายได้ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมองว่าคู่แข่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่เน้นเจาะลูกค้าชาวสิงคโปร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าทำเลสุขุมวิท ที่ส่วนใหญ่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยว ทำให้มีความผันผวนของการเข้าพักอาศัยค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงสภาวะการณ์ตลาดที่มีความผัวผวนสูง ทำให้อัตราผลตอบแทน และอัตราดอกเบี้ยมีความใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ดอกเบี้ยอาร์/พี) จะส่งผลให้ขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทรได้ง่ายขึ้น แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้การเปิดขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์มีความเสี่ยงสูงขึ้น และขายลำบากมากขึ้น โดยในปีแรกจะมีการรับประกันรายได้ของกองทุนที่ 8%ต่อปี
