xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนกับการลงทุนใน ETF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ช่วงที่ผ่านมา ผมได้เห็นแนวโน้มการแปลี่ยนเปลงที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนไทยอยู่หลายอย่าง แต่มี 2 เรื่อง ที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกับพวกเราทุกคน

1)เรื่องแรกที่นึกถึงก็คือการเริ่มต้นอย่างจริงจังของนวัตกรรมทางการเงินของประเทศไทย ที่เราเรียกสั้นๆ ว่าอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund: ETF)โดยจุดเด่นของอีทีเอฟก็คือการรวมข้อดีของหุ้นและกองทุนมาไว้ด้วยกัน คือมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนภายในตัวเอง และขณะเดียวกันก็ซื้อง่ายขายคล่องเหมือนกับหุ้น ผ่านโบรกเกอร์ทั่วๆ ไป

2)เรื่องที่สองคือ การจัดตั้งสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (Thai Financial Planners Association - TFPA) ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะเราจะมีการวางมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการแนะนำการลงทุน และจะได้มีนักวางแผนเงิน คอยให้คำปรึกษาและแนะนำทางการเงินซึ่งครอบคลุมการวางแผนในการออม การวางแผนเกี่ยวกับภาษี การวางแผนเพื่อการเกษียณ การวางแผนในส่วนคุ้มครองป้องกันความเสี่ยง เช่น การซื้อประกัน ตลอดจนการวางแผนการการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนไทย เหมือนในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว

ในส่วนของการวางแผนการลงทุนนั้น พบว่ามีแนวโน้มที่ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนจะแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนในอีทีเอฟมากขึ้น ผมขออนุญาตกล่าวถึงบางส่วนของบทความเรื่อง 12 Questions with ETF Analyst Matt Hougan จาก Trends in investment ที่เขียนโดย Lance Ritchlin ฉบับเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของ Matt Hougan (ผู้เขียน IndexUniverse.com และ The Exchange Traded Fund Report)

จากการยกตัวอย่างข้อมูลของรายงานของสมาคมของผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ฉบับเดือนมกราคม 2551 เรื่อง “How Advisers Choose,” พบว่าผู้ให้คำปรึกษาด้านการวางแผนทางการเงิน มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการใช้อีทีเอฟในการลงทุนให้กับลูกค้า โดย

- 58% ของสมาชิกฯ จะเพิ่มการใช้อีทีเอฟ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า

- 39 % ของสมาชิกฯ จะคงการใช้อีทีเอฟ ตามเดิม และ

- 3% ของสมาชิกฯ คาดว่าลดการใช้อีทีเอฟ ลง

คำถามบางส่วนโดยสรุป คือ

- อะไรคือเหตุผลที่ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเพิ่มการแนะนำให้ลูกค้าของตนลงทุนในอีทีเอฟ

- ผู้ลงทุนจะให้การตอบรับอีทีเอฟ มากน้อยขนาดไหน
- อะไรคือสิ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนควรต้องรู้เกี่ยวกับอีทีเอฟ

คำตอบที่ได้จาก Matt Hougan ก็คือ

ETF เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างและบริหารพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบการกับลงทุนแบบอื่น ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์ทางภาษี และความหลากหลายของอีทีเอฟ ก็มีอย่างมากมาย ทำให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในทรัพย์สินได้หลายรูปแบบ อีกทั้งอีทีเอฟ ไม่มีการแบ่ง Style ของการลงทุน และมีความโปร่งใสในการลงทุนมากๆ

ส่วนการที่นักลงทุนจะให้การตอบรับอีทีเอฟ ดีขนาดไหนนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเป็นหลัก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วผู้ลงทุนจะให้ความเชื่อถือและยอมรับคำแนะนำจากผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอยู่แล้ว

สำหรับสิ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนควรต้องเข้าใจก็คือ การที่รูปแบบของอีทีเอฟ มีการมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจในดัชนีที่อีทีเอฟ เข้าไปเกี่ยวข้อง (Underlying Index) จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะได้จัดเตรียมพอร์ตการลงทุนให้กับลูกค้าอย่างถูกต้อง และตรงกับสิ่งที่ต้องการลงทุนจริงๆ

ณ ปัจจุบัน ประเทศไทย มี Equity ETF ให้เลือกลงทุนอยู่ 2 แบบ โดยถ้าต้องการลงทุนในดัชนีที่เป็นตัวแทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ลงทุนสามารถลงทุน ThaiDex SET50 Exchange Traded Fund (TDEX) เนื่องจาก TDEX เป็นอีทีเอฟ ที่ลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนีเซ็ท 50 (SET50 Index) และถ้าผู้ลงทุนต้องการเน้นการลงทุนให้ในดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ผู้ลงทุนสามารถลงทุนใน MTrack Energy ETF (ENGY) เนื่องจาก ENGY เป็นอีทีเอฟ ที่เน้นการลงทุนในดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy Index)

เราจะเห็นได้ว่า ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เป็นบุคคลที่ได้ความเชื่อถือจากผู้ลงทุน ในการให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม และสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ลงทุน และผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเหล่านั้น พร้อมที่จะเพิ่มสัดส่วนการแนะนำให้ผู้ลงทุนลงทุนในอีทีเอฟมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องเพราะความมีประสิทธิภาพของเครื่องมือการลงทุนชนิดนี้

สำหรับประเทศไทย คาดว่าอีกไม่นาน เราจะได้มีโอกาสเห็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน คอยให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อให้การลงทุนของพวกเราเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยการแนะนำเหล่านั้นจะควบคู่ไปกับการเติบโตของอีทีเอฟในประเทศไทย โดยผมคาดว่าหลังจากที่เรามี ThaiDex SET50 Exchange Traded Fund (TDEX) ในปลายปีที่แล้ว และมี MTrack Energy ETF (ENGY) ในปีนี้ และเราคงจะเห็น ETF ตัวต่อๆ ไป ตามมาเพื่อให้เราสามารถเลือกลงทุนได้อย่างสะดวกตามความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละคนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น