xs
xsm
sm
md
lg

รับมือกับโครงสร้างประชากรไทยที่กำลังจะเปลี่ยนไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า เราทุกคนต่างต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกปัจจุบันที่มีการสื่อสารรายงานผลข้อมูลต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว เร่งรีบ ชนิดที่เรียกว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถติดต่อสื่อสารข้ามโลกกันได้เลย นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมืองไม่ว่าจะระดับประเทศหรือระดับโลก ก็ล้วนเป็นปัจจัยเกื้อหนุนและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเราทุกคน เพราะเราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลวางแผนไว้ล่วงหน้าและฝึกฝนทักษะ เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ จนถึงขนาดที่มีโครงการอบรมออกมาเพื่อให้คนเสียเงินเข้าไปเรียน หรือต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือที่เขียนในเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ทั้งหมดนี้ก็เพราะเราต่างพยายามหาหนทางที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดีนั่นเอง เพราะหากบุคคลหรือองค์กรธุรกิจปรับตัวไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพหรือยอมที่จะล้มเลิกธุรกิจก็เท่านั้นเอง

มามองสังคมบ้านเรากันบ้าง แน่นอนว่าเราเห็นการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทั้งโครงสร้างของประชากรของประเทศ วิถีการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ ที่ส่งผลให้ครอบครัวมีขนาดเล็กลง การพึ่งพาเลี้ยงดูซึ่งกันและกันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ประชากรวัยชรานับวันก็ยิ่งจะมีอายุยืนยาวและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงมีความจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเอง โดยเรื่องหนึ่งที่นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคิดคือ เรื่องการวางแผนการเงินของเราให้ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงจังหวะของชีวิต โดยคิดขวนขวายหาความรู้เรื่องเงิน การออมเงิน การใช้เงินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น พร้อมๆ กับศึกษาหาช่องทางการลงทุนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเลือกได้ว่าอะไรที่เหมาะกับตัวเราที่สุดในวันนี้ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนเมื่อวาน และอาจจะไม่เหมือนวันพรุ่งนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประกอบกับคนเริ่มตระหนักแล้วว่าเมื่อเกษียณไปแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเงินใช้และต้องปรับตัวให้อยู่ได้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน หรืออาจไม่มีใครให้พึ่งพาได้ก็เป็นได้

ภาครัฐเองก็ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน จึงได้มีแนวคิดเกี่ยวกับเงินออมระยะยาวว่าเงินออมระยะยาวของคนที่ทำงานในวันนี้ ก็คือเงินส่วนหนึ่งของประเทศที่จะสามารถสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นในสังคมได้ ซึ่งความมั่นคงในสังคมจำเป็นต้องสร้างควบคู่ไปกับการสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจด้วย เพื่อให้ประชาชน ทั้งคนที่ทำงานอยู่ ทำงานไม่ได้ หรือไม่ได้ทำงานก็ตาม ล้วนมีความกินดีอยู่ดีกันทั่วหน้า จึงต้องคิดหาแนวทางว่าทำอย่างไรให้คนทำงานในทุกวันนี้ได้มีการออมเงินไว้ในกองทุนเงินออมระยะยาวเพื่อใช้ในตอนเกษียณ

นอกจากนี้ถ้าพิจารณาให้กว้างขึ้น เราจะเห็นได้ว่าประเทศต่าง ๆ ที่พัฒนาแล้ว จะมีระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุ (Pension System) มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศสวีเดน เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา หรือแถบภูมิภาคเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือฮ่องกง ที่มีระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุที่มั่นคงมาก ส่งเสริมให้ผู้คนในประเทศมีมาตรฐานในการดำรงชีวิตยามหลังเกษียณเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันประเทศที่ยังไม่มีระบบดังกล่าว จึงได้เร่งให้ความสำคัญของการจัดตั้งระบบการออมเงินระยะยาวของประชาชนวัยทำงานในรูปแบบกองทุนแบบต่าง ๆ ขึ้น เนื่องจากหากยิ่งทำได้มากและครอบคลุมคนทำงานในทุกอาชีพก็จะยิ่งส่งผลดีเพราะจะช่วยทำให้คนสามารถพึ่งตนเองได้ พร้อมๆ กับส่งเสริมความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย เพราะชาติอยู่ได้เราก็อยู่ได้นั่นเอง ดังนั้นใครที่ได้เข้าสู่ระบบการออมเงินดังกล่าวไปแล้ว นับเป็นเรื่องดีมากๆ แต่ถ้าใครยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการออมใดๆ ก็ต้องช่วยเหลือตนเองด้วยการมีวินัยในการออมให้ดีเพื่อให้ชีวิตไม่อับเฉาตอนแก่นั่นเอง

อย่าคิดอะไรกันมากเลย ควรคิดให้ตรงประเด็นที่สุดนั่นคือ “ตนคือที่พึ่งแห่งตน” เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น