กองทุนวายุภักษ์1 ประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีแรกในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วยลงทุนหรือ 3% นักลงทุนยิ้มรับพร้อมกัน 27 สิงหาคม 2551 ด้านผู้จัดการกองทุนระบุ เล็งเพิ่มสัดส่วนหุ้นปันผลดี มีอนาคตเข้าพอร์ตทำกำไรในระยะยาว หลังราคาในตลาดปรับลดลงค่อนข้างมาก
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบลจ. เอ็มเอฟซี ได้มีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดเผยว่า เนื่องจากในเมื่อวานนี้ (วันที่ 28 กรกฎาคม 2551) ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุน ของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับช่วงระยะเวลา1 มกราคม - 30มิถุนายน 2551 ในอัตราร้อยละ 3.00 หรือ 0.30 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุน สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีประชาชนทั่วไปและนิติบุคคลทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน จำนวน7,000 ล้านหน่วยลงทุน โดยกำหนดการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน วันที่ 15 สิงหาคม2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่งประกาศมูลค่าสินทรัพย์สุทธิและมูลค่าหน่วยลงทุน ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 141,737,220,799.95 บาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนนักลงทุนทั่วไปประเภท ก.เท่ากับ 10.7481 บาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนกระทรวงการคลังประเภท ข.อยู่ที่ 22.1667 บาท
สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ถือเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างกระทรวงการคลังกับประชาชนทั่วไป โดยที่เงินที่ได้จากการระดมทุนจะมุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งได้แก่ หลักทรัพย์ของสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่จะแปรสภาพ หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิเรียกร้องของรัฐที่มอบให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงทุนไปก่อน หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิ หรือสิทธิเรียกร้องที่กระทรวงการคลังอาจมีในอนาคต ซึ่งกองทุนได้มีนโยบายคุ้มครองเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มีมูลค่าโครงการ 100,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 10 ปี อีกทั้ง กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสุทธิ และ/หรือกำไรสะสม และ/หรือกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized Gains on Investment) และ/หรือ สำรองเงินปันผล
นายสมชัย บุญนำศิริกล่าวว่า สำหรับการลงทุนของกองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง ได้แบ่งการลงทุนออกเป็น 70/30 โดยสัดส่วนการลงทุน 70% ของกองทุนเป็นการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ปทต. ธนาคารไทยพาณิชย์ ปตท.สผ. IRPC โดยในสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มสถาบัน ซึ่งจะไม่มีการซื้อขาย และอีก 30% นั้น เป็นการลงทุนในหุ้นที่ทำการซื้อขายปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ สำหรับหุ้นที่ได้รับปันผลมากนั้นจะเป็นในส่วนของหุ้นที่ไม่มีการซื้อขายในตลาด
สำหรับแนวโน้มการปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คณะกรรมการการลงทุนจะต้องจับจังหวะการลงทุนให้ดี เพราะตลาดยังคงจะมีความผันผวนอยู่ ซึ่งขณะนี่ตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศมีการปรับตัวลงมาเยอะมาก และคิดว่าคงไม่ปรับตัวต่ำลดลงมามากกว่านี้ โดยในช่วงนี้ทางคณะกรรมการการลงทุนได้พยายามเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในส่วนของ 30% ของกองทุนหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นที่มีสามารถจ่ายเงินปันผลดี มีอนาคต หรือมีพื้นฐานที่ดี เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนสำหรับการทำกำไรในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมวายุภักษ์ได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าที่ได้ตกลงกับผู้ถือหน่วยลงทุนไว้ ซึ่งกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วไป เพราะเมื่อครบกำหนดตามโครงสร้างของกองทุน ก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน จึงถือได้ว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นอีกกองทุนที่ดีและน่าสนใจที่จะลงทุนในตลาดรอง
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบลจ. เอ็มเอฟซี ได้มีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดเผยว่า เนื่องจากในเมื่อวานนี้ (วันที่ 28 กรกฎาคม 2551) ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุน ของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับช่วงระยะเวลา1 มกราคม - 30มิถุนายน 2551 ในอัตราร้อยละ 3.00 หรือ 0.30 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุน สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีประชาชนทั่วไปและนิติบุคคลทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน จำนวน7,000 ล้านหน่วยลงทุน โดยกำหนดการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน วันที่ 15 สิงหาคม2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่งประกาศมูลค่าสินทรัพย์สุทธิและมูลค่าหน่วยลงทุน ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 141,737,220,799.95 บาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนนักลงทุนทั่วไปประเภท ก.เท่ากับ 10.7481 บาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนกระทรวงการคลังประเภท ข.อยู่ที่ 22.1667 บาท
สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ถือเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างกระทรวงการคลังกับประชาชนทั่วไป โดยที่เงินที่ได้จากการระดมทุนจะมุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งได้แก่ หลักทรัพย์ของสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่จะแปรสภาพ หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิเรียกร้องของรัฐที่มอบให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงทุนไปก่อน หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิ หรือสิทธิเรียกร้องที่กระทรวงการคลังอาจมีในอนาคต ซึ่งกองทุนได้มีนโยบายคุ้มครองเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มีมูลค่าโครงการ 100,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 10 ปี อีกทั้ง กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสุทธิ และ/หรือกำไรสะสม และ/หรือกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized Gains on Investment) และ/หรือ สำรองเงินปันผล
นายสมชัย บุญนำศิริกล่าวว่า สำหรับการลงทุนของกองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง ได้แบ่งการลงทุนออกเป็น 70/30 โดยสัดส่วนการลงทุน 70% ของกองทุนเป็นการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ปทต. ธนาคารไทยพาณิชย์ ปตท.สผ. IRPC โดยในสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มสถาบัน ซึ่งจะไม่มีการซื้อขาย และอีก 30% นั้น เป็นการลงทุนในหุ้นที่ทำการซื้อขายปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ สำหรับหุ้นที่ได้รับปันผลมากนั้นจะเป็นในส่วนของหุ้นที่ไม่มีการซื้อขายในตลาด
สำหรับแนวโน้มการปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คณะกรรมการการลงทุนจะต้องจับจังหวะการลงทุนให้ดี เพราะตลาดยังคงจะมีความผันผวนอยู่ ซึ่งขณะนี่ตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศมีการปรับตัวลงมาเยอะมาก และคิดว่าคงไม่ปรับตัวต่ำลดลงมามากกว่านี้ โดยในช่วงนี้ทางคณะกรรมการการลงทุนได้พยายามเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในส่วนของ 30% ของกองทุนหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นที่มีสามารถจ่ายเงินปันผลดี มีอนาคต หรือมีพื้นฐานที่ดี เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนสำหรับการทำกำไรในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมวายุภักษ์ได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าที่ได้ตกลงกับผู้ถือหน่วยลงทุนไว้ ซึ่งกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วไป เพราะเมื่อครบกำหนดตามโครงสร้างของกองทุน ก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน จึงถือได้ว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นอีกกองทุนที่ดีและน่าสนใจที่จะลงทุนในตลาดรอง
