ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน กองหุ้นบลจ.พรีมาเวสท์ยังให้ผลตอบเเทนดีท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น โดย"กรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 " ให้ผลตอบเเทนสูงที่สุด ขณะที่ "กองทุนเปิดพรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล" ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อย
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยถึงผลตอบเเทนกองทุนตราสารทุน ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ว่า กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ (KPF) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.79% ซึ่งลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -1.2% โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ในส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.82% ลดลงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.78% โดยเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยอยู่ที่ -9.60%
ทั้งนี้กองทุน KPF จะลงทุน ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ด้านนโยบายการจ่ายปันผล จะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี- พรีมาเวทสท์เเวลู (KPV) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ -5.09% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -0.9% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ในขณะที่ผลการตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.81% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.79% โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน -9.60%
โดย กองทุน KPV จะเน้นลงทุนลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากและหรือ ตราสารอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์ของสำนักงาน คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในสัดส่วนของตราสารสำหรับแต่ละประเภทตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 โดยกองทุนจะเน้น การกระจายการลงทุนในหุ้นทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และหรือมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เป็นหลัก ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วงเวลาได้ เเละทางกองทุนไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติแทนตามวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยอัตโนมัติที่ระบุไว้ในโครงการกองทุน
ขณะที่กองทุนเปิดพรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล (PEF) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -7.83% ลดลงมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานดัชนีหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยถึง1.84% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 9.18% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -0.42% โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน -9.60%
ทั้งนี้ กองทุน PEF เน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ส่วนนโยบายการจ่ายปันผลนั้น จะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
ขณะเดียวกัน กองทุนหุ้นระยะยาว( LTF)นั้นมีผลตอบเเทนดังนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว (KP-LTF)ให้ผลการตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -5.32% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -0.67% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 8.55% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -1.05% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.60%
โดยกองทุน KP-LTF เน้นลงทุในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยเน้นการกระจายการลงทุนในกลุ่มตราสารแห่งทุน ของบริษัทจดทะเบียน ที่เป็นส่วนประกอบในการคำนวณดัชนี SET 50 ทั้งนี้ กองทุนจะใช้กลยุทธ์ในการบริหาร กองทุนเชิงรุก (Active Management Strategy) เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่ง สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
ด้านกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (KPLTF70/30) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -3.97% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ -2.02% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -5.86% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -3.74% โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.60%
ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนของกองทุน KPLTF70/30 นั้นจะเน้นลงทุนในกองทุนจะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ65 แต่ไม่เกินร้อยละ70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือมีอัตราการเจริญเติบโตสูง หรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ระยะสั้น ตราสารทางการเงิน และเงินฝาก รวมทั้งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยถึงผลตอบเเทนกองทุนตราสารทุน ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ว่า กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ (KPF) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.79% ซึ่งลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -1.2% โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ในส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.82% ลดลงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.78% โดยเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยอยู่ที่ -9.60%
ทั้งนี้กองทุน KPF จะลงทุน ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ด้านนโยบายการจ่ายปันผล จะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี- พรีมาเวทสท์เเวลู (KPV) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ -5.09% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -0.9% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ในขณะที่ผลการตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.81% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.79% โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน -9.60%
โดย กองทุน KPV จะเน้นลงทุนลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากและหรือ ตราสารอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์ของสำนักงาน คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในสัดส่วนของตราสารสำหรับแต่ละประเภทตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 โดยกองทุนจะเน้น การกระจายการลงทุนในหุ้นทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และหรือมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เป็นหลัก ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วงเวลาได้ เเละทางกองทุนไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติแทนตามวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยอัตโนมัติที่ระบุไว้ในโครงการกองทุน
ขณะที่กองทุนเปิดพรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล (PEF) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -7.83% ลดลงมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานดัชนีหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยถึง1.84% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 9.18% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -0.42% โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน -9.60%
ทั้งนี้ กองทุน PEF เน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ส่วนนโยบายการจ่ายปันผลนั้น จะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
ขณะเดียวกัน กองทุนหุ้นระยะยาว( LTF)นั้นมีผลตอบเเทนดังนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว (KP-LTF)ให้ผลการตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -5.32% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -0.67% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -5.99% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 8.55% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน -1.05% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.60%
โดยกองทุน KP-LTF เน้นลงทุในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยเน้นการกระจายการลงทุนในกลุ่มตราสารแห่งทุน ของบริษัทจดทะเบียน ที่เป็นส่วนประกอบในการคำนวณดัชนี SET 50 ทั้งนี้ กองทุนจะใช้กลยุทธ์ในการบริหาร กองทุนเชิงรุก (Active Management Strategy) เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่ง สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
ด้านกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (KPLTF70/30) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -3.97% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ -2.02% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -5.86% ลดลงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -3.74% โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.60%
ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนของกองทุน KPLTF70/30 นั้นจะเน้นลงทุนในกองทุนจะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ65 แต่ไม่เกินร้อยละ70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือมีอัตราการเจริญเติบโตสูง หรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ระยะสั้น ตราสารทางการเงิน และเงินฝาก รวมทั้งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า