บลจ. เอ็มเอฟซีประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟฟ์ ฟันด์ ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วยลงทุน หลังจากฟันผลกำไรจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และ กลุ่มธนาคาร นักลงทุนเตรียมเฮรับ 2 มิถุนายน 2551
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซีไประกาศจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟฟ์ ฟันด์ (HAP-D5) สำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 มกราคม 2551- 21 พฤษภาคม 2551 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทีมีชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 2 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟว์ (HAP-D5) เป็นกองทุนเปิด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 มีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โดยมีมูลค่าสุทธิในปัจจุบัน ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 123.48 ล้านบาท และมีมูลค่าต่อหน่วยในปัจจุบันอยู่ที่ 10.2327 บาท มีมูลค่าการซื้อขายแรกเริ่มอยู่ที่ 10,000 บาท พร้อมทั้งมีนโยบายการลงทุนลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และหรือเงินฝาก ส่วนโยบายเงินปันผล อย่างน้อย 1 ครั้ง อัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน(realized and unrealized) ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้กองทุนเปิด HAP-D5 มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 25 เมษายน 2551 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 9.63 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 1.42 % มีผลตอบแทนย้อนหลัง6 เดือน อยู่ที่ - 1.29 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ -2.65 % มีผลตอบแทนย้อนหลัง 12 เดือน อยู่ที่ 20.61 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 10.46 % และมีผลการตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งการกองทุนปรือตั้งแต่วันที่แปรสภาพกองทุนอยู่ที่ 13.97%ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 10.91 %
ทั้งนี้กองทุนเปิด HAP-D5 ได้มีสัดส่วนการลงทุนดังนี้ โดยมีการลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) จำนวน 75.69 % แบ่งออกเป็น พลังงาน 35.45 % ธนาคาร 18.28% เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.76% วัสดุก่อสร้าง 5.76% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.34 %และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ 4.10% ส่วนการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ 22.30% คือ หลักทรัพย์รัฐบาลและที่รัฐบาลค้ำประกัน และการลงทุนในตราสารทางการเงินอื่นๆอีก 2.01%
ทางด้านบริษัทที่ลงทุน 10 อันดับแรกตามผู้ออกตราสารโดยมีการลงทุนในตราสารแห่งทุน(หุ้น)รวม 63.28 % ได้แก่ อันดับ1 บมจ. ปตท. 14.45 % อันดับ 2 บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 11.63 % อันดับ 3 บมจ.ธนาคารกสิกรไทย 7.53 % อันดับ 4 บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.88 % อันดับ 5 บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย 5.76 % อันดับ 6 บมจ.บ้านปู 4.36 % อันดับ 7 บมจ.ธนาคารกรุงเทพ 3.33 % อันดับ 8 บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.33 % อันดับ 9 บมจ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น 2.74 %และอันดับ 10 บมจ.ธนาคารกรุงไทย 2.27 %
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซีไประกาศจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟฟ์ ฟันด์ (HAP-D5) สำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 มกราคม 2551- 21 พฤษภาคม 2551 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทีมีชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 2 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟว์ (HAP-D5) เป็นกองทุนเปิด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 มีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โดยมีมูลค่าสุทธิในปัจจุบัน ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 123.48 ล้านบาท และมีมูลค่าต่อหน่วยในปัจจุบันอยู่ที่ 10.2327 บาท มีมูลค่าการซื้อขายแรกเริ่มอยู่ที่ 10,000 บาท พร้อมทั้งมีนโยบายการลงทุนลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และหรือเงินฝาก ส่วนโยบายเงินปันผล อย่างน้อย 1 ครั้ง อัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน(realized and unrealized) ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้กองทุนเปิด HAP-D5 มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 25 เมษายน 2551 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 9.63 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 1.42 % มีผลตอบแทนย้อนหลัง6 เดือน อยู่ที่ - 1.29 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ -2.65 % มีผลตอบแทนย้อนหลัง 12 เดือน อยู่ที่ 20.61 % ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 10.46 % และมีผลการตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งการกองทุนปรือตั้งแต่วันที่แปรสภาพกองทุนอยู่ที่ 13.97%ขณะที่เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 10.91 %
ทั้งนี้กองทุนเปิด HAP-D5 ได้มีสัดส่วนการลงทุนดังนี้ โดยมีการลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) จำนวน 75.69 % แบ่งออกเป็น พลังงาน 35.45 % ธนาคาร 18.28% เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.76% วัสดุก่อสร้าง 5.76% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.34 %และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ 4.10% ส่วนการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ 22.30% คือ หลักทรัพย์รัฐบาลและที่รัฐบาลค้ำประกัน และการลงทุนในตราสารทางการเงินอื่นๆอีก 2.01%
ทางด้านบริษัทที่ลงทุน 10 อันดับแรกตามผู้ออกตราสารโดยมีการลงทุนในตราสารแห่งทุน(หุ้น)รวม 63.28 % ได้แก่ อันดับ1 บมจ. ปตท. 14.45 % อันดับ 2 บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 11.63 % อันดับ 3 บมจ.ธนาคารกสิกรไทย 7.53 % อันดับ 4 บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.88 % อันดับ 5 บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย 5.76 % อันดับ 6 บมจ.บ้านปู 4.36 % อันดับ 7 บมจ.ธนาคารกรุงเทพ 3.33 % อันดับ 8 บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.33 % อันดับ 9 บมจ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น 2.74 %และอันดับ 10 บมจ.ธนาคารกรุงไทย 2.27 %
