บลจ.พรีมาเวสท์ จ่ายปันผลกองทุน "พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล" ผู้ถือหน่วยยิ้มรับในอัตรา 1.65 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 18 มิถุนายน ด้านบลจ.กสิกรไทยไม่น้อยหน้า ประกาศปันผลกองทุน "รวงข้าวทุนวิภาค" ที่ 0.09 บาทต่หน่วย ผู้ถือหน่วยรับเงิน 27 มิถุนายนนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ).พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล (PEF) สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.65 บาทให้เเก่ผู้ทีมีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2551 โดยจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 มิถุนายน 2551
โดยกองทุน PEF มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ในกรณีที่บางขณะกองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการจัดการได้ด้วยเหตุที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การตื่นตระหนกขายคืนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน (panic sell) หรือการเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ ตลอดจนความไม่มีเสถียรภาพในระบบตลาดการเงิน เป็นต้น บริษัทจัดการจะรายงานการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการจัดการตามประกาศแก่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดโครงการ
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
ขณะเดียวกันรายงานข่าวจาก คณะกรรมการพิจารณาการลงทุน บลจ.กสิกรไทย จำกัด ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน กองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค( RKBF ) ที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2551 ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีตั้งเเต่วันที่ 1 ธันวาคม 2550 ถึง 31 พฤษภาคม 2551 ในอัตราละ 0.09 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยจะปันผลในวันที่ 27 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุน RKBF จะเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนในขณะใดขณะหนึ่งไม่เกินร้อยละ 65 และไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะปานกลางถึงระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม
โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำแต่ละงวดบัญชี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่รวมถึงรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain) ทั้งนี้ อัตราเงินปันผลที่จะจ่ายเมื่อคำนวณเป็นจำนวนเงินปันผลแล้วจะต้องไม่เกินการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผลนั้น และบริษัทจัดการอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมส่วนที่ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain) ของกองทุนได้ ขณะเดียวกัน กองทุนรวงข้าวทุนวิภาค ได้มีการจ่ายเงินปันผลไปเเล้วทั้งสิ้น 14 ครั้ง โดยครั้งที่ 13 เป็นการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดอยู่ที่ 1.170 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งกองทุนดังหล่าวได้จ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นรวม 6.200 บาท
ทั้งนี้กองทุนรวงข้าวทุนวิภาค มีสัดส่วนการลงทุน ณ ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ดังนี้ พันธบัตรหรือตราสารหนี้ รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังค้ำประกัน 12.3179% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน 12.6454% กลุ่มธนาคาร 15.6702% กลุ่มพลังงาน 24.0649% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันประเภทบริการทางการเงิน 3.0111% ตราสารหนี้และ/หรือสิทธิเรียกร้องอื่นที่ได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ 4.1216% กลุ่มสื่อสาร 4.8389% เงินฝาก บัตรเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงินของ หรือรับรอง รับอาวัลโดยสถาบันการเงิน และอื่นๆ 6.3279 % เเละหุ้นทุนอื่นๆอีก 8.3204%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ).พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล (PEF) สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.65 บาทให้เเก่ผู้ทีมีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2551 โดยจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 มิถุนายน 2551
โดยกองทุน PEF มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จัดอยู่ในภาคธุรกิจประเภท สถาบันการเงิน และ/หรือธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่เหลืออาจนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือเงินฝาก รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ในกรณีที่บางขณะกองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการจัดการได้ด้วยเหตุที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การตื่นตระหนกขายคืนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน (panic sell) หรือการเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ ตลอดจนความไม่มีเสถียรภาพในระบบตลาดการเงิน เป็นต้น บริษัทจัดการจะรายงานการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการจัดการตามประกาศแก่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดโครงการ
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานที่ไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) ของกองทุน ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมโดยไม่รวมรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ที่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (unrealized profit / loss) เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
ขณะเดียวกันรายงานข่าวจาก คณะกรรมการพิจารณาการลงทุน บลจ.กสิกรไทย จำกัด ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน กองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค( RKBF ) ที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2551 ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีตั้งเเต่วันที่ 1 ธันวาคม 2550 ถึง 31 พฤษภาคม 2551 ในอัตราละ 0.09 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยจะปันผลในวันที่ 27 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุน RKBF จะเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนในขณะใดขณะหนึ่งไม่เกินร้อยละ 65 และไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะปานกลางถึงระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม
โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำแต่ละงวดบัญชี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่รวมถึงรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain) ทั้งนี้ อัตราเงินปันผลที่จะจ่ายเมื่อคำนวณเป็นจำนวนเงินปันผลแล้วจะต้องไม่เกินการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผลนั้น และบริษัทจัดการอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมส่วนที่ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain) ของกองทุนได้ ขณะเดียวกัน กองทุนรวงข้าวทุนวิภาค ได้มีการจ่ายเงินปันผลไปเเล้วทั้งสิ้น 14 ครั้ง โดยครั้งที่ 13 เป็นการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดอยู่ที่ 1.170 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งกองทุนดังหล่าวได้จ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นรวม 6.200 บาท
ทั้งนี้กองทุนรวงข้าวทุนวิภาค มีสัดส่วนการลงทุน ณ ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ดังนี้ พันธบัตรหรือตราสารหนี้ รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังค้ำประกัน 12.3179% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน 12.6454% กลุ่มธนาคาร 15.6702% กลุ่มพลังงาน 24.0649% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันประเภทบริการทางการเงิน 3.0111% ตราสารหนี้และ/หรือสิทธิเรียกร้องอื่นที่ได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ 4.1216% กลุ่มสื่อสาร 4.8389% เงินฝาก บัตรเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงินของ หรือรับรอง รับอาวัลโดยสถาบันการเงิน และอื่นๆ 6.3279 % เเละหุ้นทุนอื่นๆอีก 8.3204%
