อินไซด์ผลตอบแทนกองทุนหุ้นบลจ.อยุธยา 8 กองทุน "อยุธยารักษ์ก้าวหน้า - อยุธยาหุ้นปันผล 70/30 - อยุธยาทุนทวี 5 - อยุธยาทุนทวีปันผล - อยุธยาอิควิตี้ - อยุธยาหุ้นปันผล - อยุธยาเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50 - อยุธยาทุนทวีปันผล 70/30" ผลตอบแทนสวยชนะดัชนีมาตราฐาน แม้ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นผันผวนต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี จากปัจจัยภายในและภายนอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมาภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ค่อนข้างจะมีความผันผวนรุนแรงจากปัจจัยภายในประเทศ คือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองและสเถียรภาพของรัฐบาล รวมไปถึงปัจจัยภายนอกประเทศ คือ ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เข้ามากระทบจนทำให้ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปี โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดวันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ 831.10 จุด ลดลงจากดัชนีเปิดต้นปีที่ 858.10 จุด กว่า 27 จุด หรือ 3.14% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทน -2.99%
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่า กองทุนตราสารทุนหรือกองทุนหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หลายกองยังสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐาน โดยรายงานข่าวการจัดอันดับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของ LIPPER ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 พบว่า กองทุนหุ้นที่สามารถให้ผลตอบเเทนสุงที่สุดของบลจ.อยุธยาได้เเก่ กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า (DYNAMIC) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 3.21% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 6.20 % โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนหุ้นจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 ซึ่งมีหลักทรัพย์ที่ลงทุนส่วนใหญ่ดังนี้ บริษัท ปตท 12.21% ธนาคารกรุงเทพ 12.20% บริษัท บ้านปู 9.06% ธนาคารทิสโก้ 8.47% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 7.88% ธนาคาร กสิกรไทย 7.55% บริษัท ซีพี ออลล์ 6.08% บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น 4.94% บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา 4.61% เเละบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 4.53%
ส่วนอันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 (AYFSDIV70) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.71% โดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.70% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ ธนาคารทิสโก้ 9.59% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 9.57% บริษัท โกลว์ พลังงาน 5.64% บริษัท เอ็ม บี เค 5.25% บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) 3.95% บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น 3.36% บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ 3.32% บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น 3.19% บริษัท เสริมสุข 3.04% เเละบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ 3.02%
อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 (AYFTW5) ให้ผลตอบเเทนย้อยหลังอยู่ที่ 0.46% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า3.45% โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 13.56% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.81% ธนาคารกรุงเทพ 9.56% ธนาคารกสิกรไทย 9.16% บริษัท บ้านปู 6.64% บริษัท เเอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.24% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.58% ธนาคาร ทิสโก้ 4.08% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 4.00% เเละบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 3.98
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล (AYFSCAP) อยู่ในอันดับที่ 4 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.28% โดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.27% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนใน 10 อันดับหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบเเทนดี ดังนี้ บริษัท ปตท 13.24% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.37% ธนาคาร กรุงเทพ 9.23% ธนาคาร กสิกรไทย 8.81% บริษัท บ้านปู 6.57% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.00% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.43% ธนาคาร ทิสโก้ 3.98% ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.84% เเละบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3.77%
ขณะที่กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ (AYFSEQ) อยู่ในอันดับที่ 5 โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.18% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.17% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 13.28% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.32% ธนาคาร กรุงเทพ 9.15% ธนาคาร กสิกรไทย 8.72% บริษัท บ้านปู 6.57 % บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.01% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.39% ธนาคารทิสโก้ 3.95% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.83% เเละบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3.77%
สำหรับอันดับที่ 6 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล (AYFSDIV) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ -1.58 % เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 1.41% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 13.71% ธนาคารทิสโก้ 10.32% บริษัท เอ็ม บี เค 8.21% บริษัท โกลว์ พลังงาน 7.19% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท 5.78% บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น 4.98% บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) 4.96% บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ 4.45% บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง 4.44% เเละบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ 4.32%
อันดับที่ 7 กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50 (AYFENSET50)โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ -1.65 % เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 1.34% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 20.99% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 12.14% ธนาคารกสิกรไทย 6.39% ธนาคาร กรุงเทพ 5.65% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 5.52% บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย 5.38% บริษัทไทยออยล์ 3.60% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.54% บริษัท ปตท.เคมิคอล 3.52% เเละธนาคาร กรุงศรีอยุธยา 2.90%
สุดท้ายอันดับที่ 8 คือ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 (AYFSCAP70) โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ -1.8% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า1.12% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 9.56% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 8.02% ธนาคารกรุงเทพ 7.12% ธนาคาร กสิกรไทย 6.29% บริษัท บ้านปู 4.58% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 4.20% บริษัท ซีพี ออลล์ 3.77% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.37% ธนาคาร ทิสโก้ 3.02% เเละบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 2.63%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมาภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ค่อนข้างจะมีความผันผวนรุนแรงจากปัจจัยภายในประเทศ คือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองและสเถียรภาพของรัฐบาล รวมไปถึงปัจจัยภายนอกประเทศ คือ ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เข้ามากระทบจนทำให้ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปี โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดวันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ 831.10 จุด ลดลงจากดัชนีเปิดต้นปีที่ 858.10 จุด กว่า 27 จุด หรือ 3.14% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทน -2.99%
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่า กองทุนตราสารทุนหรือกองทุนหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หลายกองยังสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐาน โดยรายงานข่าวการจัดอันดับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของ LIPPER ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 พบว่า กองทุนหุ้นที่สามารถให้ผลตอบเเทนสุงที่สุดของบลจ.อยุธยาได้เเก่ กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า (DYNAMIC) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 3.21% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 6.20 % โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนหุ้นจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 ซึ่งมีหลักทรัพย์ที่ลงทุนส่วนใหญ่ดังนี้ บริษัท ปตท 12.21% ธนาคารกรุงเทพ 12.20% บริษัท บ้านปู 9.06% ธนาคารทิสโก้ 8.47% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 7.88% ธนาคาร กสิกรไทย 7.55% บริษัท ซีพี ออลล์ 6.08% บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น 4.94% บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา 4.61% เเละบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 4.53%
ส่วนอันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 (AYFSDIV70) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.71% โดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.70% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ ธนาคารทิสโก้ 9.59% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 9.57% บริษัท โกลว์ พลังงาน 5.64% บริษัท เอ็ม บี เค 5.25% บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) 3.95% บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น 3.36% บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ 3.32% บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น 3.19% บริษัท เสริมสุข 3.04% เเละบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ 3.02%
อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 (AYFTW5) ให้ผลตอบเเทนย้อยหลังอยู่ที่ 0.46% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า3.45% โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 13.56% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.81% ธนาคารกรุงเทพ 9.56% ธนาคารกสิกรไทย 9.16% บริษัท บ้านปู 6.64% บริษัท เเอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.24% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.58% ธนาคาร ทิสโก้ 4.08% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 4.00% เเละบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 3.98
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล (AYFSCAP) อยู่ในอันดับที่ 4 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.28% โดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.27% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนใน 10 อันดับหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบเเทนดี ดังนี้ บริษัท ปตท 13.24% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.37% ธนาคาร กรุงเทพ 9.23% ธนาคาร กสิกรไทย 8.81% บริษัท บ้านปู 6.57% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.00% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.43% ธนาคาร ทิสโก้ 3.98% ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.84% เเละบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3.77%
ขณะที่กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ (AYFSEQ) อยู่ในอันดับที่ 5 โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ 0.18% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 3.17% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 13.28% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 10.32% ธนาคาร กรุงเทพ 9.15% ธนาคาร กสิกรไทย 8.72% บริษัท บ้านปู 6.57 % บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.01% บริษัท ซีพี ออลล์ 5.39% ธนาคารทิสโก้ 3.95% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.83% เเละบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3.77%
สำหรับอันดับที่ 6 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล (AYFSDIV) ให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ -1.58 % เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 1.41% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 13.71% ธนาคารทิสโก้ 10.32% บริษัท เอ็ม บี เค 8.21% บริษัท โกลว์ พลังงาน 7.19% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท 5.78% บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น 4.98% บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) 4.96% บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ 4.45% บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง 4.44% เเละบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ 4.32%
อันดับที่ 7 กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50 (AYFENSET50)โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ที่ -1.65 % เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 1.34% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 20.99% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 12.14% ธนาคารกสิกรไทย 6.39% ธนาคาร กรุงเทพ 5.65% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 5.52% บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย 5.38% บริษัทไทยออยล์ 3.60% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.54% บริษัท ปตท.เคมิคอล 3.52% เเละธนาคาร กรุงศรีอยุธยา 2.90%
สุดท้ายอันดับที่ 8 คือ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 (AYFSCAP70) โดยให้ผลตอบเเทนย้อนหลังอยู่ -1.8% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า1.12% ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ดังนี้ บริษัท ปตท 9.56% บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 8.02% ธนาคารกรุงเทพ 7.12% ธนาคาร กสิกรไทย 6.29% บริษัท บ้านปู 4.58% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 4.20% บริษัท ซีพี ออลล์ 3.77% ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 3.37% ธนาคาร ทิสโก้ 3.02% เเละบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 2.63%