xs
xsm
sm
md
lg

AYFSCAP70ปันผล0.4125 บาท ผู้ถือหน่วยเตรียมรับทรัพย์12มิ.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อยุธยา เตรียมปันผล "อยุธยาทุนทวีปันผล 70/30" ในอัตราละ 0.4125 บาทต่อหน่วยลงทุน หลังฟันกำไรจากหุ้นกลุ่มพลังงานเเละกลุ่มธนาคาร ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 12 มิ.ย 51 นี้

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า ทางบลจ.จะทำการจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 (AYFSCAP70) สำหรับรอบบัญชีตั้งเเต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ถึงวันที่ 21 พฤษาภาคม 2551 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 30 พฤษาภาคม 2551 โดยจะจ่ายเงินปันผลอัตราละ 0.4125 บาทต่อหน่วยลงทุน ในวันที่ 12 มิถุนายน 2551

กองทุน AYFSCAP70 ได้จดทะเบียนตั้งกองทุนในวันที่ 26 มกราคม 2543 โดยมีจำนวนเงินของโครงการ 4,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 1,524,315,591.61 บาท มูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 9.9813 บาท ราคาขายเท่ากับ 10.0064 บาท เเละราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 9.9563 บาท

สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 มีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารเเห่งทุนดดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 เเละไม่เกิดร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งอัตราส่วนการลงทุนที่กำหนด จะกระทำภายใต้สภาวการณ์ที่ปกติ ซึ่งอาจมีบางขณะที่ไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดได้อันเนื่องมาจากการเกิดสภาวการ์ณ์ที่ไม่ปกติหรือมีความจำเป็น เช่นมีการเปลี่ยนเเปลงทางเศรษฐกิจหรือการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น โดยบริษัทจัดการจะรายงานการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำนหดไว้ในโครงการตามประกาศเเก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยตรงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ประกาศกำหนด ซึ่งเงินทุนส่วนที่เหลือ บลจ.จะนำไปลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้หรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือหาดอกผลโดยวิธีที่อื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนดให้ลงทุนได้

ขณะเดียวกันกองทุน AYFSCAP70 มีกำหนดจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยพิจารณาจากผลดำเนินงานสิ้นสุดตามช่วงเวลาที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลหรือกำไรสะสมเเล้วเเต่กรณี โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น การพิจาณาจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู้กับดุลยพินิตจของบริษัทจัดการ เเละบริษัทจัดการจะขอสงวนสิทธิที่จะไม่จ่ายเงินปันผล หากกาณีที่เกณฑ์ใช้พิจารณาดังกล่าวข้างต้นเเต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลน้อยกว่า 0.10 บาทต่อหน่วยลงทุน

กองทุนดังกล่าวได้จ่ายเงินปันผลมาเเล้วทั้งสิ้น 52 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6.0850 บาท โดยในปี 2543 ปันผลทั้งหมด 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน0.6860 บาทต่อหน่วยลงทุน ปี 2544 ปันผลทั้งสิ้น 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.6245 บาทต่อหน่วยลงทุน ปี 2545 ปันผลทั้งหมด 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.6123 บาทต่อหน่วยลงทุน ปี 2546 ปันผลทั้งสิ้น 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.8744 บาทต่อหน่วยลงทุน ปี 2547 ปันผลทั้งหมด 7 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด 0.6626 บาทต่อหน่วย ปี 2548 ปันผลทั้งหมด 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.2399 บาทต่อหน่วยลงทุน ปี 2549 ปันผลทั้งสิ้น 5 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด 0.5447 บาทต่อหน่วยลงทุน เเละปี 2550 ปันผลทั้งสิ้น3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.8406 บาทต่อหน่วยลงทุน

สำหรับ10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 เข้าไปลงทุน(ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2551)ได้เเก่ บริษัท ปตท 9.56%
บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 8.02% ธนาคารกรุงเทพ 7.12% ธนาคารกสิกรไทย 6.29% บริษัทบ้านปู 4.58% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 4.20% บริษัท ซีพี ออลล์ 3.77% ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.37% ธนคารทิสโก้ 3.02% เเละบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 2.63%

ด้านรายงานข่าวจากบลจ.พรีมาเวสท์ จำกัดเเจ้งว่า ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ เอ็คควิตี้ปันผล (KPE)จะจ่ายเงินปันผล ณ สิ้นงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 พฤษาภาคม 2551 โดยบริษัทจะหยุดทำการขายหน่วยลงทุนเป็นการชั่วคราวในวันที่ 2-3 มิถุนายน 2551 เเละจะทำการปิดสมุดบัญชีพักโอนหน่วลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 4 มิถุนายน 2551
กำลังโหลดความคิดเห็น