บลจ.พรีมาเวสท์ เปิดขาย"กรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น" ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อายุ 1 ปี ชูผลตอบเเทน 3.60% ต่อปี ไอพีโอตั้งเเต่วันนี้ถึง 15 ก.ค. 51 ขณะที่"ไอเอ็นจี"ไม่น้อยหน้า เตรียมขายกองพันธบัตรเกาหลี "ไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 3M2 " พร้อมทั้ง "ไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 12M2" คาดการณ์ผลตอบเเทน 3.35%เเละ 4.60% ตามลำดับ เปิดไอพีโอวันที่14-21 ก.ค.นี้
นายบัณฑิต ศุภาคม ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ) พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า หลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่าจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาน้ำมันในช่วงนี้ ซึ่งทางธนาคารกลางหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยก็ส่งสัญญาณว่าจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเเน่นอน เเต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่มีการปรับขึ้นครั้งเดียว เนื่องจากต้องดูว่าการปรับขึ้นนี้จะกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง โดยเราได้คาดการณ์ไว้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีที่เหลืออยู่ที่ 0.5-0.75% ซึ่งการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ทางกนง.น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%
ขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะส่งผลให้พันธบัตรที่มีอายุเกิน 1 ปีอยู่ในช่วงให้ผลตอบเเทนดี ทาง บลจ.จึงเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น (12M 1) ที่มีขนาดกองทุน 500 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี คาดการณ์ผลตอบเเทนที่จะได้รับที่ 3.60% ต่อปี ซึ่งเปิดขายกองทุนครั้งเเรกตั้งเเต่วันนี้ถึง 15 กรกฏาคม 2551
"การที่เราออกกองทุนคุ้มครองเงินต้น ก็เพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับ ซึ่งถ้าเทียบกับหุ้นกู้กับพันธบัตรรัฐบาลเเล้ว ทั้งสองอย่างจะให้ผลตอบเเทนที่ล้อกัน เเต่ถ้าดูความเสี่ยงเเล้ว หุ้นกู้ ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากกว่า โดยภายในเดือนนี้เราจะออกกองทุนที่เหมือนกับกองทุนกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น อีก 2 กองด้วย " นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้นจะลงทุนในตราสารภาครัฐไทยเเละหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรฝากเงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชนเเละหรือเงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออกเพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม มีมูลค่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ตราสารที่กองทุนลงทุนนั้นจะมีอายุเฉลี่ยเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับอายุกองทุน
ขณะที่รายงานข่าวจากบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมขายกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 3M2 ที่ลงทุนในตราสารนี้ของประเทศเกาหลีใต้ที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งคาดการณ์ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 3.35 %ต่อปี พร้อมกันนี้ยังเปิดขาย กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 12M2 ที่ลงทุนในพันธบัตรธนาคารเเห่งชาติเกาหลีใต้อายุประมาณ 12 เดือน โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 4.60% ต่อปี ซึ่งจะเปิดขายกองทุนทั้ง 2 กองในวันที่ 14-20 กรกฏาคม 2551 นี้
ทั้งนี้รายงานผลตอบเเทนจากพันธบัตรจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ รายงานว่า การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสามารถสรุปการเคลื่อนไหวของแต่ละช่วงอายุพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ พันธบัตรอายุคงเหลือ 1 ถึง 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 3 ถึง 4 bp. พันธบัตรระยะสั้นอายุ 1 ถึง 3 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง อยู่ระหว่าง -3 ถึง -6 bp. สำหรับพันธบัตรระยะกลาง 5 ถึง 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -15 ถึง -21 bp. และระยะยาวมากกว่า 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -13 ถึง -14 bp.
ในขณะที่ อัตราผลตอบแทน US Treasury ระยะกลางปรับตัวลดลง ทั้งนี้สามารถสรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน US Treasury โดยแบ่งเป็นช่วงอายุได้ดังนี้ ระยะสั้นต่ำกว่า 3 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นลงอยู่ระหว่าง -11 ถึง 57 bp ระยะกลางตั้งแต่ 3 -10 ปี อัตราผลตอบแทนการปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -3 ถึง -10 bp อัตราผลตอบแทนระยะยาวมากกว่า 10 ปีอัตราผลตอบแทนค่อนข้างคงที่
นายบัณฑิต ศุภาคม ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ) พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า หลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่าจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาน้ำมันในช่วงนี้ ซึ่งทางธนาคารกลางหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยก็ส่งสัญญาณว่าจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเเน่นอน เเต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่มีการปรับขึ้นครั้งเดียว เนื่องจากต้องดูว่าการปรับขึ้นนี้จะกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง โดยเราได้คาดการณ์ไว้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีที่เหลืออยู่ที่ 0.5-0.75% ซึ่งการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ทางกนง.น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%
ขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะส่งผลให้พันธบัตรที่มีอายุเกิน 1 ปีอยู่ในช่วงให้ผลตอบเเทนดี ทาง บลจ.จึงเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น (12M 1) ที่มีขนาดกองทุน 500 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี คาดการณ์ผลตอบเเทนที่จะได้รับที่ 3.60% ต่อปี ซึ่งเปิดขายกองทุนครั้งเเรกตั้งเเต่วันนี้ถึง 15 กรกฏาคม 2551
"การที่เราออกกองทุนคุ้มครองเงินต้น ก็เพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับ ซึ่งถ้าเทียบกับหุ้นกู้กับพันธบัตรรัฐบาลเเล้ว ทั้งสองอย่างจะให้ผลตอบเเทนที่ล้อกัน เเต่ถ้าดูความเสี่ยงเเล้ว หุ้นกู้ ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากกว่า โดยภายในเดือนนี้เราจะออกกองทุนที่เหมือนกับกองทุนกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น อีก 2 กองด้วย " นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้นจะลงทุนในตราสารภาครัฐไทยเเละหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรฝากเงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชนเเละหรือเงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออกเพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม มีมูลค่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ตราสารที่กองทุนลงทุนนั้นจะมีอายุเฉลี่ยเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับอายุกองทุน
ขณะที่รายงานข่าวจากบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมขายกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 3M2 ที่ลงทุนในตราสารนี้ของประเทศเกาหลีใต้ที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งคาดการณ์ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 3.35 %ต่อปี พร้อมกันนี้ยังเปิดขาย กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ทีเอ็ม พรีเมี่ยม 12M2 ที่ลงทุนในพันธบัตรธนาคารเเห่งชาติเกาหลีใต้อายุประมาณ 12 เดือน โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 4.60% ต่อปี ซึ่งจะเปิดขายกองทุนทั้ง 2 กองในวันที่ 14-20 กรกฏาคม 2551 นี้
ทั้งนี้รายงานผลตอบเเทนจากพันธบัตรจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ รายงานว่า การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสามารถสรุปการเคลื่อนไหวของแต่ละช่วงอายุพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ พันธบัตรอายุคงเหลือ 1 ถึง 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 3 ถึง 4 bp. พันธบัตรระยะสั้นอายุ 1 ถึง 3 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง อยู่ระหว่าง -3 ถึง -6 bp. สำหรับพันธบัตรระยะกลาง 5 ถึง 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -15 ถึง -21 bp. และระยะยาวมากกว่า 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -13 ถึง -14 bp.
ในขณะที่ อัตราผลตอบแทน US Treasury ระยะกลางปรับตัวลดลง ทั้งนี้สามารถสรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน US Treasury โดยแบ่งเป็นช่วงอายุได้ดังนี้ ระยะสั้นต่ำกว่า 3 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นลงอยู่ระหว่าง -11 ถึง 57 bp ระยะกลางตั้งแต่ 3 -10 ปี อัตราผลตอบแทนการปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -3 ถึง -10 bp อัตราผลตอบแทนระยะยาวมากกว่า 10 ปีอัตราผลตอบแทนค่อนข้างคงที่