"กองทุน CPN รีเทล โกรท" เปิดแผนเพิ่มทุน เตรียมขายหน่วยลงทุนใหม่ 1,270 ล้านหน่วย มูลค่า 11,420 ล้านบาทให้ผู้ถือรายเดิม และเฉพาะเจาะจง ด้วยวิธี "Bookbuilding" ในการกำหนดราคา เพื่อนำเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ใน เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัล เชียงใหม่ (แอร์พอร์ต)
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนของกองทุนมีมติให้ทำการเพิ่มเงินทุนของ CPNRF จำนวนไม่เกิน 11,420,000,000 บาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 10,915,000,000บาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335,000,000 บาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,270,000,000 หน่วย เพื่อลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันราคาของหน่วยลงทุนที่จะออกและเสนอขายเพิ่มเติมที่จะจัดสรรให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและจัดสรรให้กับผู้ลงทุนประเภทอื่นใดในครั้งนี้จะมีราคาเท่ากัน โดยกำหนดวิธีการคิดราคาของหน่วยลงทุนด้วยวิธีการสํารวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุนของผู้ลงทุน ณ ระดับราคาต่างๆ (Bookbuilding) ซึ่งสะท้อนมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมจะลงทุนเพิ่มเติม และเป็นราคาที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะยอมรับได้ ขณะที่ราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยลงทุนที่จะเสนอขายในครั้งนี้ (ซึ่งจะอยู่ในช่วงระดับราคาดังกล่าว) จะถูกกำหนดโดยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม , มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการประเมินค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย , สภาวะตลาดโดยรวม และปริมาณความสนใจของผู้ลงทุ นระหว่างการสํารวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุน (Bookbuilding) เป็นต้น
ด้านการจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.จัดสรรหน่วยลงทุนจำนวนไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน (Rights Offering) และ 2. จัดสรรหน่วยลงทุนจํานวนไม่เกิน 50% ของจํานวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมเพื่อเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
รายงานข่าวระบุต่อว่า วัตถุประสงค์ในการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมและจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อมุ่งก่อให้เกิดรายได้และผลตอบแทนแก่กองทุนรวมและผู้ถือหน่วยลงทุน โดยสินทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม คือ การเช่าและเช่าช่วงในอสังหาริมทรัพย์โครงการ เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ในราคา ไม่เกิน 6,446.76 ล้านบาท รวมไปถึงการเช่าในอสังหาริมทรัพ ย์ โครงการ เซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จากบริษัทเซ็นทรั ลพัฒนาเชียงใหม่ จำกัด ในราคาไม่เกิน 4,635.60 ล้ านบาท
สำหรับสินทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ประกอบไปด้วย การเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร และอาคารสำนั กงาน จำนวน 2 อาคาร (ทั้ งอาคาร) รวมทั้ง ที่จอดรถยนต์ (ตามสัด ส่วนการใช้ งานของพื้นที่อาคารศูนย์การค้าและพื้นที่อาคารสำนักงานที่กองทุนรวมจะลงทุน , เช่า และ/หรือ รับโอนกรรมสิทธ์ในงานระบบและทรัพ ย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และเช่าช่วงที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้าอาคารสํานักงานที่จอดรถยนต์รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออก เป็นระยะเวลาประมาณ 16 ปี
ส่วนโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต สินทรัพย์ที่กองทุนจะลงทุนประกอบไปด้วยการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร รวมทั้งพื้นที่จอดรถยนต์ ภายในและภายนอกอาคาร (ตามสัดส่วนการใช้งานของพื้นที่อาคารศูนย์การค้าที่กองทุนรวมจะลงทุน) , เช่า หรือ รับโอนกรรมสิทธ์ในงานระบบและทรัพ ย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และเช่าที่ดินที่เ ป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้า ที่จอดรถยนต์ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการ รวมระยะเวลาประมาณ 40 ปี
"คาดว่าจากการลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะส่งผลทำให้ผลประกอบการของกองทุนรวมเพิ่มสูงขึ้น และทําให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลต่อหน่วยที่สูงขึ้นอีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพิงแหล่งรายได้และเพิ่มศักยภาพของกองทุนรวม"
อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนของกองทุนเพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมและจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 ตั้งแต่เ วลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ และกำหนดจั ดการประชุ มผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 ส่วนวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มจะทำการกำหนดในภายหลังเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมให้มีการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมแล้ว
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนของกองทุนมีมติให้ทำการเพิ่มเงินทุนของ CPNRF จำนวนไม่เกิน 11,420,000,000 บาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 10,915,000,000บาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335,000,000 บาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,270,000,000 หน่วย เพื่อลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันราคาของหน่วยลงทุนที่จะออกและเสนอขายเพิ่มเติมที่จะจัดสรรให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและจัดสรรให้กับผู้ลงทุนประเภทอื่นใดในครั้งนี้จะมีราคาเท่ากัน โดยกำหนดวิธีการคิดราคาของหน่วยลงทุนด้วยวิธีการสํารวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุนของผู้ลงทุน ณ ระดับราคาต่างๆ (Bookbuilding) ซึ่งสะท้อนมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมจะลงทุนเพิ่มเติม และเป็นราคาที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะยอมรับได้ ขณะที่ราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยลงทุนที่จะเสนอขายในครั้งนี้ (ซึ่งจะอยู่ในช่วงระดับราคาดังกล่าว) จะถูกกำหนดโดยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม , มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการประเมินค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย , สภาวะตลาดโดยรวม และปริมาณความสนใจของผู้ลงทุ นระหว่างการสํารวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุน (Bookbuilding) เป็นต้น
ด้านการจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.จัดสรรหน่วยลงทุนจำนวนไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน (Rights Offering) และ 2. จัดสรรหน่วยลงทุนจํานวนไม่เกิน 50% ของจํานวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมเพื่อเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
รายงานข่าวระบุต่อว่า วัตถุประสงค์ในการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมและจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อมุ่งก่อให้เกิดรายได้และผลตอบแทนแก่กองทุนรวมและผู้ถือหน่วยลงทุน โดยสินทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม คือ การเช่าและเช่าช่วงในอสังหาริมทรัพย์โครงการ เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ในราคา ไม่เกิน 6,446.76 ล้านบาท รวมไปถึงการเช่าในอสังหาริมทรัพ ย์ โครงการ เซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จากบริษัทเซ็นทรั ลพัฒนาเชียงใหม่ จำกัด ในราคาไม่เกิน 4,635.60 ล้ านบาท
สำหรับสินทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ประกอบไปด้วย การเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร และอาคารสำนั กงาน จำนวน 2 อาคาร (ทั้ งอาคาร) รวมทั้ง ที่จอดรถยนต์ (ตามสัด ส่วนการใช้ งานของพื้นที่อาคารศูนย์การค้าและพื้นที่อาคารสำนักงานที่กองทุนรวมจะลงทุน , เช่า และ/หรือ รับโอนกรรมสิทธ์ในงานระบบและทรัพ ย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และเช่าช่วงที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้าอาคารสํานักงานที่จอดรถยนต์รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออก เป็นระยะเวลาประมาณ 16 ปี
ส่วนโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต สินทรัพย์ที่กองทุนจะลงทุนประกอบไปด้วยการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร รวมทั้งพื้นที่จอดรถยนต์ ภายในและภายนอกอาคาร (ตามสัดส่วนการใช้งานของพื้นที่อาคารศูนย์การค้าที่กองทุนรวมจะลงทุน) , เช่า หรือ รับโอนกรรมสิทธ์ในงานระบบและทรัพ ย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และเช่าที่ดินที่เ ป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้า ที่จอดรถยนต์ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการ รวมระยะเวลาประมาณ 40 ปี
"คาดว่าจากการลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะส่งผลทำให้ผลประกอบการของกองทุนรวมเพิ่มสูงขึ้น และทําให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลต่อหน่วยที่สูงขึ้นอีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพิงแหล่งรายได้และเพิ่มศักยภาพของกองทุนรวม"
อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนของกองทุนเพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมและจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 ตั้งแต่เ วลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ และกำหนดจั ดการประชุ มผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 ส่วนวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มจะทำการกำหนดในภายหลังเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมให้มีการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมแล้ว
