ผู้ถือหน่วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท อนุมัติแผนเพิ่มทุน 11,420 ล้านบาท ลงทุนเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า - พลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เสนอขาย 1,270 ล้านหน่วย จัดสรรผู้ถือหน่วยเดิม 50% และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงรวมถึงผู้จองซื้อทั่วไปอีก 50% "โชติกา" ชี้ ช่วยเสริมสภาพคล่องการซื้อขายในตลาด คาดเปิดขายได้ไตรมาส 4 ของปี
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท หรือ CPNRF เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2551 ในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้ทำการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมจำนวนไม่เกิน 11,420 ล้านบาท จากมูลค่าเงินทุนของกองทุนรวมเดิม จำนวน 10,915 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมในจำนวนไม่เกิน 1,270 ล้านหน่วย โดยให้สิทธิกับผู้ถือหน่วยเดิมในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% และที่เหลือไม่เกินกว่า 50% จะขายให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) และผู้จองซื้อทั่วไป (Public Offering)
โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ใหม่ 2 แห่ง คือโครงการเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นการเช่าทรัพย์สินและเช่าช่วงที่ดินเป็นระยะเวลา ประมาณ 16 ปี จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6,446.76 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร และอาคารสำนักงาน 2 อาคาร(ทั้งอาคาร) รวมทั้งที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร การเช่า และหรือ รับโอนกรรมสิทธิ์ในงานระบบและทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และเช่าช่วงที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่จอดรถยนต์ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ในลักษณะการเช่าทรัพย์สินและที่ดินจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลาประมาณ 40 ปี ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,635.60 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย อาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์ภายในและภายนอกอาคาร การเช่าและหรือรับโอนกรรมสิทธิ์ในงานระบบและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ตลอดจนการเช่าที่ดินที่เป็นตั้งของอาคารศูนย์การค้า ที่จอดรถ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการดังกล่าว
“การลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งถือเป็นกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตของกองทุน CPNRF ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯและทำให้เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพิงแหล่งรายได้และเพิ่มศักยภาพของกองทุน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนตลอดจนมูลค่าทรัพย์สิน เพราะผลดำเนินงานของกองทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ผู้ถือหน่วยมีโอกาสรับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่สูงขึ้น” นางโชติกา กล่าว
ทั้งนี้ จุดเด่นของอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง ได้พิจารณาศักยภาพหลายด้านโดยในส่วนของอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้าและเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีมาก มีความหลากหลายของผู้เช่าที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าชั้นนำ ตลอดจนการมีอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงถึง 98% นอกจากนี้ ในส่วนของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลปิ่นเกล้ายังมีการบริหารจัดการที่ดี และผู้เช่าหลายรายที่อยู่ในทาวเวอร์ A และ ทาวเวอร์ B มีการดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริมกับธุรกิจค้าปลีก เช่นสถานศึกษา สถานบริการเพื่อสุขภาพฯลฯ การเลือกที่จะเช่าอาคารทั้ง 2 แห่งจะทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
นางโชติกา กล่าวว่า ภายหลังการอนุมัติเพิ่มทุนแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดจองหน่วยลงทุนเพิ่มเติมให้แก่ผู้สนใจพร้อมนำหน่วยลงทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยการกำหนดราคาซื้อขายจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงเวลาที่มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการประเมินค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย สภาวะตลาดโดยรวม และปริมาณความสนใจของผู้ลงทุนระหว่างการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุน (Bookbuilding) เป็นต้น
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท หรือ CPNRF เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2551 ในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้ทำการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมจำนวนไม่เกิน 11,420 ล้านบาท จากมูลค่าเงินทุนของกองทุนรวมเดิม จำนวน 10,915 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมในจำนวนไม่เกิน 1,270 ล้านหน่วย โดยให้สิทธิกับผู้ถือหน่วยเดิมในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% และที่เหลือไม่เกินกว่า 50% จะขายให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) และผู้จองซื้อทั่วไป (Public Offering)
โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ใหม่ 2 แห่ง คือโครงการเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นการเช่าทรัพย์สินและเช่าช่วงที่ดินเป็นระยะเวลา ประมาณ 16 ปี จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6,446.76 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร และอาคารสำนักงาน 2 อาคาร(ทั้งอาคาร) รวมทั้งที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร การเช่า และหรือ รับโอนกรรมสิทธิ์ในงานระบบและทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และเช่าช่วงที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่จอดรถยนต์ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ในลักษณะการเช่าทรัพย์สินและที่ดินจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลาประมาณ 40 ปี ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,635.60 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย อาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์ภายในและภายนอกอาคาร การเช่าและหรือรับโอนกรรมสิทธิ์ในงานระบบและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ตลอดจนการเช่าที่ดินที่เป็นตั้งของอาคารศูนย์การค้า ที่จอดรถ รวมถึงถนนรอบโครงการและทางเข้าออกของโครงการดังกล่าว
“การลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งถือเป็นกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตของกองทุน CPNRF ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯและทำให้เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพิงแหล่งรายได้และเพิ่มศักยภาพของกองทุน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนตลอดจนมูลค่าทรัพย์สิน เพราะผลดำเนินงานของกองทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ผู้ถือหน่วยมีโอกาสรับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่สูงขึ้น” นางโชติกา กล่าว
ทั้งนี้ จุดเด่นของอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง ได้พิจารณาศักยภาพหลายด้านโดยในส่วนของอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้าและเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีมาก มีความหลากหลายของผู้เช่าที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าชั้นนำ ตลอดจนการมีอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงถึง 98% นอกจากนี้ ในส่วนของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลปิ่นเกล้ายังมีการบริหารจัดการที่ดี และผู้เช่าหลายรายที่อยู่ในทาวเวอร์ A และ ทาวเวอร์ B มีการดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริมกับธุรกิจค้าปลีก เช่นสถานศึกษา สถานบริการเพื่อสุขภาพฯลฯ การเลือกที่จะเช่าอาคารทั้ง 2 แห่งจะทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
นางโชติกา กล่าวว่า ภายหลังการอนุมัติเพิ่มทุนแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดจองหน่วยลงทุนเพิ่มเติมให้แก่ผู้สนใจพร้อมนำหน่วยลงทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยการกำหนดราคาซื้อขายจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงเวลาที่มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการประเมินค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย สภาวะตลาดโดยรวม และปริมาณความสนใจของผู้ลงทุนระหว่างการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุน (Bookbuilding) เป็นต้น