บลจ.ทหารไทย แจงข้อสรุปเกณฑ์จ่ายผลตอบแทนกองอสังหาสิทธิการเช่า ย้ำชัดเงินปันผลต้องออกจากกำไรสุทธิเท่านั้น หากต้องการจ่านส่วนเกินให้คิดเป็นเงินต้น ระบุลิสโฮลด์กองเก่าต้องแก้ไขหนังสือชี้ชวนรับเกณฑ์ใหม่
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) สิทธิการเช่า (Leasdhold) บางกองทุนก็จ่ายเงินปันผลจากกระแสเงินสด บางกองทุนก็จ่ายจากกำไร แต่กฎใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) บอกว่า ควรจะเหมือนกันทุกกอง ดังนั้น จึงกำหนดให้ต่อไปนี้ต้องจ่ายจากกำไรสุทธิเท่านั้น เพราะหากกองทุนจะจ่ายเกิน 100% จากกำไรสุทธิ จะได้เรียกได้ถูกว่านี่คือเงินปันผลจากผลการดำเนินงาน เพราะมันออกมาจากกำไรสุทธิ ส่วนเกินก็ต้องเรียกว่าอย่างอื่น คุณจะลดทุนหรือจะทำอย่างไรก็ต้องบอก เพื่อที่จะได้เรียกได้ถูก
ทั้งนี้ ถ้าดูงบของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะไม่มีการลดราคาเพราะทรัพย์สินจะถูกตีเป็นราคาตลาด แต่จะมีกำไรหรือขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริงคือ ส่วนต่างจากราคาประเมินตอนจบ เวลาเราดูมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุน มันสะท้อนทุกอย่างแล้ว แต่ถ้ามาดูงบกำไรสุทธิของกองทุนมันไม่มีการลดราคา แต่จะมีกำไรหรือขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นสมมติเราซื้อมา 10 บาท มูลค่าที่ปรับปรุงใหม่มันเหลือ 9 บาท มันจะเป็นขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1 บาท
ดังนั้น ถ้ากองทุนมีเงินสดมากแล้วอยากจะจ่ายออกไปจากกองทุน ก็ต้องเรียกส่วนนี้ให้ชัดเจน นั่นคือประเด็นว่านี่คือสิ่งที่ได้มาจากกำไรเรียกว่าปันผล อันนี้จ่ายจากส่วนขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงออกไปให้ต้องลดทุน เพราะฉะนั้นกองทุนอยากจ่ายก็ได้ไม่อยากจ่ายก็ได้
"ต่อไปนี้เขากำหนดแค่จ่ายเงินปันผลต้องออกจากกำไรสุทธิ เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กองทุนจะจ่ายก็ได้ไม่จ่ายก็ได้ ถ้ากองทุนไม่จ่ายก็ไม่ต้องลดทุนแล้วก็สำรองเข้ามา แต่ถ้ากองทุนต้องการจะจ่ายออกไป ต้องเรียกว่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงินปันผล ซึ่งจะเป็นวิธีที่จะใช้แยกส่วนที่เป็นเงินต้นและเงินปันผลออกจากกัน เพราะฉะนั้นถ้าผลการดำเนินงานของกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าดี จนปรับปรุงมูลค่าใหม่แล้วไม่มีผลขาดทุน กองทุนสามารถจ่ายปันผลได้ 8% ก็จ่ายได้ ถ้ามันออกมาจากผลการดำเนินงานที่เป็นกำไร ไม่ใช่จ่ายเงินสดนั้นที่เกิดจากส่วนที่ไม่เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่เป็นไร แต่กองทุนจ่ายได้แค่นี้ในส่วนที่เกิดจากผลการดำเนินงานจริงเท่านั้น"นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวอีกว่า สมมติผลการดำเนินงานจริงๆ จ่ายปันผลได้แค่ 9% แต่กองทุนอยากจะจ่าย 10% ดังนั้น กองทุนต้องเรียกให้ถูกว่า 9 บาทคือปันผล ส่วนอีก 1 บาทคือส่วนของเงินต้น แต่ถ้ากองทุนอยากจ่าย 9 บาทก็จ่าย 9 บาท ซึ่งกองทุนอาจจะอยากเก็บเงินสดเอาไว้ทำอย่างอื่นในอนาคตก็ทำได้ ซึ่งต่อไปกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าจะต้องแก้ไขหนังสือชี้ชวนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้ให้หมด กองเก่าๆ ที่ไม่ได้เขียนเอาไว้จะต้องระบุว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่มาจากกำไรสุทธิ เพื่อให้เห็นชัดว่าเป็นเงินปันผลที่เกิดจากการดำเนินงานจริงๆ ซึ่งเมื่อก่อนยังเหมารวมเอาทั้งในส่วนของเงินต้นและเงินปันผลเอาไว้ด้วยกัน ผู้ลงทุนไม่รู้ว่าเงินปันผลที่จ่ายออกมาเป็นส่วนของเงินต้นเท่าไรเป็นส่วนของเงินปันผลเท่าไร ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนทราบว่าผลตอบแทนที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าจ่ายออกมานั้นเป็นเงินปันผลเท่าไร เป็นเงินต้นเท่าไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแต่ละบลจ.คงจะเน้นทยอยจ่ายเงินปันผลในส่วนของผลการดำเนินงานออกมาก่อนในช่วงแรก
"ผู้ลงทุนจะเห็นการเปรียบเทียบเงินปันผลของราคาที่เปรียบเทียบได้เป็นส้มกับส้ม แต่ปัจจุบันไม่รู้ว่าผลตอบแทนมายังไง ตอนนี้ทางสำนักงานก.ล.ต.คงรอนำเรื่องเสนอบอร์ด แต่โดยหลักการก.ล.ต.ต้องการให้แยกแยะเงินต้นและเงินปันผลให้ถูกต้อง ซึ่งทุกบลจ.เห็นด้วย หลังจากที่สำนักงานก.ล.ต.มีประกาศออกมา ผู้ลงทุนจะเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่า เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบดูผลการดำเนินงานของกองทุนได้ดียิ่งขึ้น"นางโชติกายังกล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) สิทธิการเช่า (Leasdhold) บางกองทุนก็จ่ายเงินปันผลจากกระแสเงินสด บางกองทุนก็จ่ายจากกำไร แต่กฎใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) บอกว่า ควรจะเหมือนกันทุกกอง ดังนั้น จึงกำหนดให้ต่อไปนี้ต้องจ่ายจากกำไรสุทธิเท่านั้น เพราะหากกองทุนจะจ่ายเกิน 100% จากกำไรสุทธิ จะได้เรียกได้ถูกว่านี่คือเงินปันผลจากผลการดำเนินงาน เพราะมันออกมาจากกำไรสุทธิ ส่วนเกินก็ต้องเรียกว่าอย่างอื่น คุณจะลดทุนหรือจะทำอย่างไรก็ต้องบอก เพื่อที่จะได้เรียกได้ถูก
ทั้งนี้ ถ้าดูงบของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะไม่มีการลดราคาเพราะทรัพย์สินจะถูกตีเป็นราคาตลาด แต่จะมีกำไรหรือขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริงคือ ส่วนต่างจากราคาประเมินตอนจบ เวลาเราดูมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุน มันสะท้อนทุกอย่างแล้ว แต่ถ้ามาดูงบกำไรสุทธิของกองทุนมันไม่มีการลดราคา แต่จะมีกำไรหรือขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นสมมติเราซื้อมา 10 บาท มูลค่าที่ปรับปรุงใหม่มันเหลือ 9 บาท มันจะเป็นขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1 บาท
ดังนั้น ถ้ากองทุนมีเงินสดมากแล้วอยากจะจ่ายออกไปจากกองทุน ก็ต้องเรียกส่วนนี้ให้ชัดเจน นั่นคือประเด็นว่านี่คือสิ่งที่ได้มาจากกำไรเรียกว่าปันผล อันนี้จ่ายจากส่วนขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงออกไปให้ต้องลดทุน เพราะฉะนั้นกองทุนอยากจ่ายก็ได้ไม่อยากจ่ายก็ได้
"ต่อไปนี้เขากำหนดแค่จ่ายเงินปันผลต้องออกจากกำไรสุทธิ เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กองทุนจะจ่ายก็ได้ไม่จ่ายก็ได้ ถ้ากองทุนไม่จ่ายก็ไม่ต้องลดทุนแล้วก็สำรองเข้ามา แต่ถ้ากองทุนต้องการจะจ่ายออกไป ต้องเรียกว่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงินปันผล ซึ่งจะเป็นวิธีที่จะใช้แยกส่วนที่เป็นเงินต้นและเงินปันผลออกจากกัน เพราะฉะนั้นถ้าผลการดำเนินงานของกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าดี จนปรับปรุงมูลค่าใหม่แล้วไม่มีผลขาดทุน กองทุนสามารถจ่ายปันผลได้ 8% ก็จ่ายได้ ถ้ามันออกมาจากผลการดำเนินงานที่เป็นกำไร ไม่ใช่จ่ายเงินสดนั้นที่เกิดจากส่วนที่ไม่เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่เป็นไร แต่กองทุนจ่ายได้แค่นี้ในส่วนที่เกิดจากผลการดำเนินงานจริงเท่านั้น"นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวอีกว่า สมมติผลการดำเนินงานจริงๆ จ่ายปันผลได้แค่ 9% แต่กองทุนอยากจะจ่าย 10% ดังนั้น กองทุนต้องเรียกให้ถูกว่า 9 บาทคือปันผล ส่วนอีก 1 บาทคือส่วนของเงินต้น แต่ถ้ากองทุนอยากจ่าย 9 บาทก็จ่าย 9 บาท ซึ่งกองทุนอาจจะอยากเก็บเงินสดเอาไว้ทำอย่างอื่นในอนาคตก็ทำได้ ซึ่งต่อไปกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าจะต้องแก้ไขหนังสือชี้ชวนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้ให้หมด กองเก่าๆ ที่ไม่ได้เขียนเอาไว้จะต้องระบุว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่มาจากกำไรสุทธิ เพื่อให้เห็นชัดว่าเป็นเงินปันผลที่เกิดจากการดำเนินงานจริงๆ ซึ่งเมื่อก่อนยังเหมารวมเอาทั้งในส่วนของเงินต้นและเงินปันผลเอาไว้ด้วยกัน ผู้ลงทุนไม่รู้ว่าเงินปันผลที่จ่ายออกมาเป็นส่วนของเงินต้นเท่าไรเป็นส่วนของเงินปันผลเท่าไร ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนทราบว่าผลตอบแทนที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าจ่ายออกมานั้นเป็นเงินปันผลเท่าไร เป็นเงินต้นเท่าไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแต่ละบลจ.คงจะเน้นทยอยจ่ายเงินปันผลในส่วนของผลการดำเนินงานออกมาก่อนในช่วงแรก
"ผู้ลงทุนจะเห็นการเปรียบเทียบเงินปันผลของราคาที่เปรียบเทียบได้เป็นส้มกับส้ม แต่ปัจจุบันไม่รู้ว่าผลตอบแทนมายังไง ตอนนี้ทางสำนักงานก.ล.ต.คงรอนำเรื่องเสนอบอร์ด แต่โดยหลักการก.ล.ต.ต้องการให้แยกแยะเงินต้นและเงินปันผลให้ถูกต้อง ซึ่งทุกบลจ.เห็นด้วย หลังจากที่สำนักงานก.ล.ต.มีประกาศออกมา ผู้ลงทุนจะเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่า เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบดูผลการดำเนินงานของกองทุนได้ดียิ่งขึ้น"นางโชติกายังกล่าว
