ตอนนี้ใครหลายคนเริ่มยอมรับกันเเล้วว่า การลงทุนกับกองทุนรวมถือเป็นทางเลือกใหม่ในการออมเงินที่ให้ผลตอบเเทนที่ดีในช่วงเวลานี้ ซึ่งทางเลือกดังกล่าว ไม่ได้จำกัดเพียงเเค่ผู้ที่มีรายได้สูงเท่านั้น เเต่หลายๆบริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) ได้เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนที่มีรายได้น้อยอีกด้วย เเละทางทีมงานผู้จัดการกองทุนเอง ก็อยากนำเสนอ่รายละเอียดของโปรเเกรมการออมเเบบ Saving Plan นี้ให้ครบทุกบลจ.เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น วันนี้ ผู้จัดการกองทุนรวม ขอพาไปรู้จักกับการออมในเเบบ ของบลจ. แอสเซท พลัส จำกัด
ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวถึงโครงการส่งเสริมการออมหรือเซฟวิ่งเเพลน ว่า ในส่วนของ บลจ.แอสเซท พลัส เราเริ่มให้บริการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งให้บริการเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เเละกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) โดยเราได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันและส่งเสริมในเรื่องการวางแผนทางการเงิน ที่เน้นการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าทั้งในด้านประโยชน์ที่จะได้รับ ตลอดจนวิธีที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายทางการเงินต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ พร้อมใช้เครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สุขภาพทางการเงินที่ดีเริ่มที่การวางแผน
ขณะเดียวกัน การวางแผนทางการเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งการจัดการเรื่องการเงินในแต่ละส่วนนั้นต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม เช่น การทำงบประมาณรายรับ รายจ่าย การวางแผนการออมและการลงทุน เพื่อสร้างรายรับให้มากขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมในอนาคตที่รายรับจะลดลงในช่วงเกษียณ ในขณะที่ยังต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
หากเราสามารถวางแผนทางการเงินได้ดีก็จะช่วยให้เกิดสมดุลด้านการเงิน เช่น มีรายได้เพียงพอแก่ความจำเป็นในการใช้จ่ายอย่างสบาย ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน เงินฉุกเฉิน เเละเงินสำรองเพื่อครอบครัว ที่อยู่อาศัย ในขณะเดียวกันเราต้องก็มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ ซึ่งปัจจัยหลักที่ช่วยให้การวางแผนการเงินประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย คือ การสร้างวินัย ทั้งในด้านสร้างรายรับ จำกัดรายจ่าย และการเก็บออม
วินัยการออมสร้างได้ด้วย Asset Plus Saving Plan
Asset Plus Saving Plan เป็นโปรแกรมที่สนับสนุนการสร้างวินัยในการออมเงินให้กับผู้ลงทุน ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงในการรองรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาจัดแผนการลงทุนด้วยตัวเอง รวมถึงการทยอยสะสมเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยในเรื่องการสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอแล้ว วิธีนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลาการลงทุน โดยผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลกับจังหวะ หรือ ราคาในแต่ละครั้ง รวมถึงช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุนให้ต่ำลงสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ลดาวรรณ ได้ยกตัวอย่างการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนในกองทุนหุ้นทุกเดือนเป็นเวลา 8 เดือน ด้วยเงินลงทุนเดือนละ 10,000 บาท โดยถ้าเราลงทุนครั้งเดียวจำนวน 80,000 บาท ในเดือนมกราคม เมื่อถึงเดือนสิงหาคม เราจะมีกำไร 10% เป็นเงิน 8,000 บาท แต่ถ้าลงทุนเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาทอย่างสม่ำเสมอจะได้กำไร เท่ากับ 29,262 บาท หรือ 36.6% เลยทีเดียว
ขั้นตอนการสร้างสมดุลที่ดีทางการเงิน
สำหรับวิธีการสมัครใช้บริการ Asset Plus Saving Plan นั้นต้องลงทุนครั้งแรกในกองทุน LTF หรือ RMF อยู่ก่อนแล้ว โดยบลจ.ขะหักเงินจากบัญชี เงินฝากประเภทออมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกำหนดขั้นต่ำในการหักบัญชีอยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งบลจ.จะหักเงินทุกวันที่ 5 หรือ วันที่ 20 ของทุกเดือน เเละผู้ลงทุนจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการหักบัญชีธนาคาร โดยบริษัทเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว
กองทุนที่เปิดให้บริการ Saving Plan
กองทุนที่ให้บริการ Saving Plan ได้เเก่กองทุน กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นระยะยาว (ASP-LTF) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นบริหารกองทุนด้วยการเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูง มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง เหมาะสำหรับผู้ลงทุนในหุ้นที่ต้องการรับกระแสเงินสดในระหว่างระยะเวลาการลงทุน
กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นระยะยาวทวีกำไร (ASP-GLTF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพของการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับราคาตลาด (High Beta Stock) บริหารกองทุนโดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสม เพื่อรองรับผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจาก Capital Gain
ส่วนกองทุน LTF ได้เเก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ตราสารหนี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-FRF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงและความผันผวนจากการลงทุนในหุ้น กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นผสมตราสารหนี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-MRF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพของการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับราคาตลาด (High beta Stock) โดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้น และตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง
กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ตราสารทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-ERF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเน้นบริหารกองทุนโดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูง และมีการเลือกลงทุนในจังหวะและราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงซึ่งลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF ผ่านโปรแกรม Asset Plus Saving Plan ในปีนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการขายกองทุน LTF และ RMF 2551 ตามปกติ เพียงตัดบัญชีอัตโนมัติอย่างน้อย 5 เดือน และมียอดเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท สำหรับกองทุนที่ร่วมรายการ ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับของกำนัลที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่ารายการส่งเสริมการขายปกติ จากการนำยอดเงินลงทุนคูณ 1.5 เท่า
“เราเน้นให้ลูกค้าเห็นความสำคัญกับการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตเป็นหลัก ในส่วนการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตัดบัญชีธนาคารและการส่งเสริมการขายจากการลงทุนดังกล่าวถือเป็นผลพลอยได้ที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าหันมาสนใจและเริ่มต้นทยอยเก็บออม เพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต” ลดาวรรณกล่าว
ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวถึงโครงการส่งเสริมการออมหรือเซฟวิ่งเเพลน ว่า ในส่วนของ บลจ.แอสเซท พลัส เราเริ่มให้บริการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งให้บริการเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เเละกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) โดยเราได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันและส่งเสริมในเรื่องการวางแผนทางการเงิน ที่เน้นการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าทั้งในด้านประโยชน์ที่จะได้รับ ตลอดจนวิธีที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายทางการเงินต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ พร้อมใช้เครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สุขภาพทางการเงินที่ดีเริ่มที่การวางแผน
ขณะเดียวกัน การวางแผนทางการเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งการจัดการเรื่องการเงินในแต่ละส่วนนั้นต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม เช่น การทำงบประมาณรายรับ รายจ่าย การวางแผนการออมและการลงทุน เพื่อสร้างรายรับให้มากขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมในอนาคตที่รายรับจะลดลงในช่วงเกษียณ ในขณะที่ยังต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
หากเราสามารถวางแผนทางการเงินได้ดีก็จะช่วยให้เกิดสมดุลด้านการเงิน เช่น มีรายได้เพียงพอแก่ความจำเป็นในการใช้จ่ายอย่างสบาย ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน เงินฉุกเฉิน เเละเงินสำรองเพื่อครอบครัว ที่อยู่อาศัย ในขณะเดียวกันเราต้องก็มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ ซึ่งปัจจัยหลักที่ช่วยให้การวางแผนการเงินประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย คือ การสร้างวินัย ทั้งในด้านสร้างรายรับ จำกัดรายจ่าย และการเก็บออม
วินัยการออมสร้างได้ด้วย Asset Plus Saving Plan
Asset Plus Saving Plan เป็นโปรแกรมที่สนับสนุนการสร้างวินัยในการออมเงินให้กับผู้ลงทุน ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงในการรองรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาจัดแผนการลงทุนด้วยตัวเอง รวมถึงการทยอยสะสมเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยในเรื่องการสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอแล้ว วิธีนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลาการลงทุน โดยผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลกับจังหวะ หรือ ราคาในแต่ละครั้ง รวมถึงช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุนให้ต่ำลงสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ลดาวรรณ ได้ยกตัวอย่างการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนในกองทุนหุ้นทุกเดือนเป็นเวลา 8 เดือน ด้วยเงินลงทุนเดือนละ 10,000 บาท โดยถ้าเราลงทุนครั้งเดียวจำนวน 80,000 บาท ในเดือนมกราคม เมื่อถึงเดือนสิงหาคม เราจะมีกำไร 10% เป็นเงิน 8,000 บาท แต่ถ้าลงทุนเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาทอย่างสม่ำเสมอจะได้กำไร เท่ากับ 29,262 บาท หรือ 36.6% เลยทีเดียว
ขั้นตอนการสร้างสมดุลที่ดีทางการเงิน
สำหรับวิธีการสมัครใช้บริการ Asset Plus Saving Plan นั้นต้องลงทุนครั้งแรกในกองทุน LTF หรือ RMF อยู่ก่อนแล้ว โดยบลจ.ขะหักเงินจากบัญชี เงินฝากประเภทออมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกำหนดขั้นต่ำในการหักบัญชีอยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งบลจ.จะหักเงินทุกวันที่ 5 หรือ วันที่ 20 ของทุกเดือน เเละผู้ลงทุนจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการหักบัญชีธนาคาร โดยบริษัทเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว
กองทุนที่เปิดให้บริการ Saving Plan
กองทุนที่ให้บริการ Saving Plan ได้เเก่กองทุน กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นระยะยาว (ASP-LTF) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นบริหารกองทุนด้วยการเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูง มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง เหมาะสำหรับผู้ลงทุนในหุ้นที่ต้องการรับกระแสเงินสดในระหว่างระยะเวลาการลงทุน
กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นระยะยาวทวีกำไร (ASP-GLTF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพของการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับราคาตลาด (High Beta Stock) บริหารกองทุนโดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสม เพื่อรองรับผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจาก Capital Gain
ส่วนกองทุน LTF ได้เเก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ตราสารหนี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-FRF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงและความผันผวนจากการลงทุนในหุ้น กองทุนเปิดแอสเซทพลัส หุ้นผสมตราสารหนี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-MRF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพของการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับราคาตลาด (High beta Stock) โดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้น และตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง
กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ตราสารทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (ASP-ERF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเน้นบริหารกองทุนโดยเลือกลงทุนผสม ทั้งในหุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูง และมีการเลือกลงทุนในจังหวะและราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงซึ่งลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF ผ่านโปรแกรม Asset Plus Saving Plan ในปีนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการขายกองทุน LTF และ RMF 2551 ตามปกติ เพียงตัดบัญชีอัตโนมัติอย่างน้อย 5 เดือน และมียอดเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท สำหรับกองทุนที่ร่วมรายการ ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับของกำนัลที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่ารายการส่งเสริมการขายปกติ จากการนำยอดเงินลงทุนคูณ 1.5 เท่า
“เราเน้นให้ลูกค้าเห็นความสำคัญกับการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตเป็นหลัก ในส่วนการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตัดบัญชีธนาคารและการส่งเสริมการขายจากการลงทุนดังกล่าวถือเป็นผลพลอยได้ที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าหันมาสนใจและเริ่มต้นทยอยเก็บออม เพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต” ลดาวรรณกล่าว
