หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานผู้จัดการกองทุนรวม ได้นำเสนอการออมรูปเเบบใหม่ที่ถือชื่อว่า Saving Plan ที่บริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) หลายเเห่งได้ร่วมมือกับธนาคารในสังกัดหรือธนาคารอื่นๆ ในการอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนของผู้ลงทุนที่อยากจัดระเบียบการลงทุนเเละการออมเงินอย่างมีระบบมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้าที่ ทางทีมงานได้นำเสนอไปเเล้ว 2 บลจ. ด้วยกัน คือ บลจ.กสิกรไทย เเละ บลจ.ยูโอบี มาวันนี้ เราจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับโปรเเกรมเซฟวิ่งเเพลน ของ บลจ.อยุธยา หรือ เอวายเอฟกัน
ฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อยุธยา บอกจุดประสงค์ของโครงการ Regular Saving Plan ว่า เราอยากให้ผู้ที่รวมโปรเเกรมกับเรารู้จักการออมอย่างมีวินัย โดยการลงทุนเเบบเซฟวิ่งเเพลนก็เป็นทางเลือกหนึ่งในนั้น ซึ่งเราเพิ่งจะเริ่มโครงการดังกล่าวไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ผลตอบรับจากลูค้าก็ดีขึ้นตามลำดับด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกองทุนหุ้นระยะยาว
โดยกองทุนที่เข้าร่วมโปรเเกรมเซฟวิ่งเเพลนนั้นจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เเละกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่สามารถลงทุนต่อเนื่องทุกเดือน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อด้วยเงินเป็นก้อนตอนปลายปี ซึ่งกองทุนที่ได้เข้าร่วมโครงการมีดังนี้ 1.กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) คือ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30 (AYFLTFD70) กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV) กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ (AYFLTFEQ)
ส่วนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) มีดังนี้ กองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFTSRMF) กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFDIVRMF) กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFEQRMF)
สำหรับเงื่อนไขในการสมัครใช้โปรเเกรมเซฟวิ่งเเพลนนั้น นักลงทุนต้องซื้อกองทุนต่อเนื่องกันสามเดือนขึ้นไป ซึ่งกำหนดวงเงินขั้นต่ำ 5,000 บาท เฉพาะกองทุน LTF และ RMF ทั้ง 6 กองทุนที่กำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้สามารถนับรวมกันระหว่างกองทุน LTFและกองทุน RMF ได้ โดยกองทุน LTF ของ AYF ไม่สามารถสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน LTF ด้วยกันได้ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้ทางบลจ.ได้จัดโปรโมชั่นให้ผู้ลงทุนที่ลงทุนต่อเนื่องกันทุกเดือนคือ ผู้ลงทุนจะได้รับ Voucher บัตรเติมน้ำมัน CALTEX มูลค่า 50 บาท ณ สิ้นเดือนที่สามของการลงทุนเป็นต้นไป
AYFSEED ทางเลือกใหม่ของการลงทุน
ฉัตรพี บอกอีกว่า บริการเสริมจากบลจ.อยุธยา ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เเต่ยังมีบริการคล้ายกับ Regular Saving Plan อีกด้วย คือ AYFSEED ซึ่งคำว่า "SEED" มาจาก "Save Earn & Enjoy Dividend" นั่นเอง โดยจุดประสงค์หลักของโครงการนี้คือ การส่งเสริมการลงทุนแบบต่อเนื่องที่สร้างวินัยการ ลงทุน พร้อมกับส่งเสริมการลงทุนแบบเฉลี่ยลงทุนในกองทุนหุ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหน่วย
สำหรับกองทุนที่เข้าร่วมโครงการ AYFSEED คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล (AYFSDIV) ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากบลจ.เเล้ว ทั้งนโยบายการลงทุนเเละการจ่ายเงินปันผล โดย AYFSDIV จะลงทุนในหุ้นทุนอย่างน้อยร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีและหุ้นที่มีราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่ำถึงปานกลาง ที่สำคัญยังพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตของบริษัทอีกด้วย
ในเเง่ของการจ่ายปันผลนั้น กองทุนอยุธยาหุ้นปันผล จะปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้งโดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานสิ้นสุดตามช่วงเวลาที่บ.ล.จ.เห็นสมควร ซึ่งที่ผ่านมากองทุนดังกล่าวได้ปันผลไปเเล้ว 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.2 บาท
การลงทุนเเบบเฉลี่ยราคา
การลงทุนเเบบเฉลี่ยราคา หรือ Dollar Cost Averaging ดีอย่างไรนั้น ฉัตรพี อธิบายว่า การลงทุนแบบทยอยลงทุนเป็นการลงทุนที่จะช่วยลดความเสี่ยง จากการเข้าลงทุนไม่ถูกจังหวะเพราะต้นทุนถูกเฉลี่ยออกไป ช่วยลดโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในช่วงที่ตลาดอยู่ในจุดสูงสุดได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องคาดเดาว่าตอนนี้ตลาดอยู่ที่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดแล้วหรือยัง และไม่จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์เศรษฐกิจที่ซับซ้อน ที่สำคัญยังเป็นการเสริมสร้างวินัยการลงทุนที่ดี เพราะนักลงทุนมักมีแนวโน้มที่จะลงทุนมากเกินไปในช่วงขาขึ้นและลังเลที่จะเข้าลงทุนในช่วงที่มีการปรับตัวลงการลงทุนอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดข้อจำกัดในข้อนี้ได้อีกด้วย
โดยการโปรเเกรม Regular Saving Plan เเละ AYFSEED ก็ใช้หลัก การลงทุนเเบบเฉลี่ยราคา เช่นเดียวกัน เนื่องจากกองทุนที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารทุนด้วย
นอกจากนี้ผู้บริหารบลจ. อยุธยา ยังได้บอกถึงข้อเเตกต่างระหว่างโปรแกรม AYFSEED เเละ AYF Regular Saving Plan ว่า AYFSEED มีข้อดีก็คือมีความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะมีระยะเวลาโครงการเพียง 12 เดือน หรือ 24 เดือนเท่านั้น ทำให้นักลงทุนแต่ละคนสามารถเลือกระยะเวลาได้ตามความต้องการ และที่สำคัญกองทุน AYFSDIV ซึ่งเป็นกองทุนเปิดทำให้สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
ต่างจากโปรแกรม AYF Regular Saving Plan ซึ่งเป็นการลงทุนในกองทุนประเภท LTF/RMF ซึ่งจะได้ผลประโยชน์ทางภาษี แต่ผู้ถือหน่วยต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปีปฏิทินในกรณี LTF และ จนถึงอายุ 55 ปี ในกรณีของ RMFการลงทุนกับโปรแกรม AYFSEED จึงให้ความคล่องตัวที่สูงกว่าแก่ผู้ลงทุน และหากลงทุนเป็นประจำครบระยะเวลาที่กำหนด ยังจะได้หน่วยลงทุนเพิ่มเติม มูลค่าสูงสุดรวมถึง 2,000 บาท อีกด้วย
สำหรับเงื่อนไขในการใช้โปรเเกรมAYFSEED นี้คือ ผู้ที่สนใจต้องลงทุนในกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลขั้นต่ำ 12 เดือน เดือนละ 10,000 บาท ติดต่อกันทุกเดือน ซึ่งถ้าลงทุนติดต่อกัน 12 เดือน ได้รับโบนัสเพิ่มเป็นหน่วยลงทุนมูลค่า 800 บาท เมื่อทำธุรกรรมผ่าน AYF@ccess หรือ มูลค่า 500 บาท เมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางอื่น ๆ
นอกจากนี้ ฉัตรพี ยังทิ้งท้ายไว้ว่า การออมเป็นสิ่งทีดี ไม่ว่าจะออมเงินในรูปแบบไหน โดยฉพาะเมื่อมีการใช้ พระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝากในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารต้องหาช่องทางในการกระจายการลงทุนมากขึ้น เราคาดว่าโปรเเกรม Regular Saving Plan เเละ AYFSEED น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น ซึ่งโปรเเกรมทั้ง 2 สามารถตอบโจทย์การออมของลูกค้าได้เป็นอย่างดีเช่นกัน