ผู้บริหารตลาดฯ เผยแผนโครงการ "ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม"หวังกระตุ้นยอดลงทุนกองทุน"LTF - RMF" ทั้งนักลงทุนหน้าใหม่ - หน้าเก่า แนะนำลงทุนผ่านทั้ง 2 กองทุน ในแบบเฉลี่ยสะสมเพื่อให้ผลตอบแทนสวยแถมลดความผันผวนของ NAV ด้านบลจ.ทหารไทยออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดลงทุนตลอดปี
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงแผนงานของโครงการ "ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม" ในปี 2551 ว่าแผนการดำเนินงานของโครงการยังคงเป็นแผนงานต่อเนื่อง โดยจะเน้นไปที่การให้ความรู้และเร่งยอดซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นหลัก ทั้งในส่วนของเม็ดเงินลงทุนของกลุ่มลูกค้าใหม่และการรณรงค์ให้กลุ่มลูกค้าเก่าลงทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มจำนวนวงเงินลดหย่อนภาษีที่ภาครัฐได้มีการประกาศเพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดที่ 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท
ขณะเดียวกันนอกจากการทำให้นักลงทุนเข้าใจวิธีการออมเงินผ่านกองทุนทั้งสองแล้ว ยังจะมีการรณรงค์ให้นักลงทุนเข้าใจด้วยว่าการกระจายการลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดปี หรือ การเฉลี่ยลงทุนแบบสะสมตลอดปีนั้น สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและยังสามารถป้องกันความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) อีกด้วย โดยในขณะนี้มีอยู่หลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีการให้ความรู้กับนักลงทุนในเรื่องดังกล่าวและออกนโยบายส่งเสริมการตลาด (แคมเปญ) เพื่อกระตุ้นการลงทุนของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายวิเชฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการสำรวจเมื่อสิ้นปี 2550 พบว่า ผลตอบแทนของการเฉลี่ยลงทุนแบบสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปีผ่านกองทุนหุ้นระยะยาวนั้น สามารถให้ผลตอบแทนสะสมสูงสุดถึง 43% และต่ำสุด 25% คิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า บริษัทต้องการกระตุ้นให้นักลงทุนรู้จักเฉลี่ยการลงทุนผ่านกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนหุ้นระยะยาวตลอดทั้งปี มากกว่าการลงทุนในช่วงปลายปีเพียงอย่างเดียว จึงได้มีการออกโปรโมชันพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน LTF และ RMF ที่บูธภายในงาน Money Expo 2008 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 พฤษภาคม 2551
โดยสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 10,000 - 49,999 บาท รับพวงกุญแจตุ๊กตาทหาร , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 50,000 - 99,999 บาท รับตุ๊กตานั่ง หริอ ธนบัตรในหลวง หรือ ร่ม หรือ แก้ว , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 100,000 - 499,999 บาท รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลมูลค่า 300 บาท , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 500,000 - 999,999 บาท รับรางวัลเงินลงทุนพิเศษกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี หรือ ธนรัฐ มูลค่า 1,000 บาท และลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 500,000 - 999,999 บาท รับรางวัลเงินลงทุนพิเศษกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี หรือ ธนรัฐ มูลค่า 2,000 บาท
ก่อนหน้านี้นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า การเฉลี่ยต้นทุนเป็นเรื่องที่ดีเป็นเรื่องของการมีวินัย ถ้าผู้ลงทุนไม่มีเวลาที่จะมานั่งติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง อาจจะไม่ได้อยู่ในวงการตลาดเงินตลาดทุน อาจจะไม่ได้ติดตามตลาดใกล้ชิด และมีกระแสเงินสดลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ
"การใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุนเข้าลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนตลอดทั้งปีเป็นวิธีการที่ดี เพราะจะทำให้นักลงทุนหมดกังวลไม่ต้องมานั่งคิดว่าซื้อถูกซื้อแพง คือซื้อเฉลี่ยๆ กันไปในทุกสภาวะตลาด เป็นการดีในแง่ของการเฉลี่ยความเสี่ยงไปด้วยในตัว เฉลี่ยซื้อถูกในช่วงที่หุ้นตก ช่วงแพงก็ซื้อในวงเงินเท่าเดิม ได้จำนวนหน่วยน้อยลงไป ก็จะดีในเรื่องของการเฉลี่ยความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน" นายธีรนาถ กล่าว
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงแผนงานของโครงการ "ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม" ในปี 2551 ว่าแผนการดำเนินงานของโครงการยังคงเป็นแผนงานต่อเนื่อง โดยจะเน้นไปที่การให้ความรู้และเร่งยอดซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นหลัก ทั้งในส่วนของเม็ดเงินลงทุนของกลุ่มลูกค้าใหม่และการรณรงค์ให้กลุ่มลูกค้าเก่าลงทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มจำนวนวงเงินลดหย่อนภาษีที่ภาครัฐได้มีการประกาศเพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดที่ 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท
ขณะเดียวกันนอกจากการทำให้นักลงทุนเข้าใจวิธีการออมเงินผ่านกองทุนทั้งสองแล้ว ยังจะมีการรณรงค์ให้นักลงทุนเข้าใจด้วยว่าการกระจายการลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดปี หรือ การเฉลี่ยลงทุนแบบสะสมตลอดปีนั้น สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและยังสามารถป้องกันความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) อีกด้วย โดยในขณะนี้มีอยู่หลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีการให้ความรู้กับนักลงทุนในเรื่องดังกล่าวและออกนโยบายส่งเสริมการตลาด (แคมเปญ) เพื่อกระตุ้นการลงทุนของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายวิเชฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการสำรวจเมื่อสิ้นปี 2550 พบว่า ผลตอบแทนของการเฉลี่ยลงทุนแบบสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปีผ่านกองทุนหุ้นระยะยาวนั้น สามารถให้ผลตอบแทนสะสมสูงสุดถึง 43% และต่ำสุด 25% คิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า บริษัทต้องการกระตุ้นให้นักลงทุนรู้จักเฉลี่ยการลงทุนผ่านกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนหุ้นระยะยาวตลอดทั้งปี มากกว่าการลงทุนในช่วงปลายปีเพียงอย่างเดียว จึงได้มีการออกโปรโมชันพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน LTF และ RMF ที่บูธภายในงาน Money Expo 2008 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 พฤษภาคม 2551
โดยสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 10,000 - 49,999 บาท รับพวงกุญแจตุ๊กตาทหาร , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 50,000 - 99,999 บาท รับตุ๊กตานั่ง หริอ ธนบัตรในหลวง หรือ ร่ม หรือ แก้ว , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 100,000 - 499,999 บาท รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลมูลค่า 300 บาท , ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 500,000 - 999,999 บาท รับรางวัลเงินลงทุนพิเศษกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี หรือ ธนรัฐ มูลค่า 1,000 บาท และลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 500,000 - 999,999 บาท รับรางวัลเงินลงทุนพิเศษกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี หรือ ธนรัฐ มูลค่า 2,000 บาท
ก่อนหน้านี้นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า การเฉลี่ยต้นทุนเป็นเรื่องที่ดีเป็นเรื่องของการมีวินัย ถ้าผู้ลงทุนไม่มีเวลาที่จะมานั่งติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง อาจจะไม่ได้อยู่ในวงการตลาดเงินตลาดทุน อาจจะไม่ได้ติดตามตลาดใกล้ชิด และมีกระแสเงินสดลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ
"การใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุนเข้าลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนตลอดทั้งปีเป็นวิธีการที่ดี เพราะจะทำให้นักลงทุนหมดกังวลไม่ต้องมานั่งคิดว่าซื้อถูกซื้อแพง คือซื้อเฉลี่ยๆ กันไปในทุกสภาวะตลาด เป็นการดีในแง่ของการเฉลี่ยความเสี่ยงไปด้วยในตัว เฉลี่ยซื้อถูกในช่วงที่หุ้นตก ช่วงแพงก็ซื้อในวงเงินเท่าเดิม ได้จำนวนหน่วยน้อยลงไป ก็จะดีในเรื่องของการเฉลี่ยความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน" นายธีรนาถ กล่าว
