xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ไฟเขียวหุ้น ESSO เข้าเทรด 6 พ.ค.นี้ คลังยันเหนือจอง 10 บ.แน่นอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลท.รับหุ้น ESSO เข้าเทรดในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ดีเดย์ 6 พ.ค.นี้ ผู้บริหารฯ คาดเพิ่มมูลค่าตลาดได้อีก 0.5% ด้านคลังมั่นใจยยืนเหนือจอง 10 บ.สำเร็จ โบรกฯ เล็งราคาเป้าหมาย 13 บ. เชื่อนักลงทุนที่พลาดจอง เข้ามาเก็บในกระดาน

วันนี้(30 เม.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งรับหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,383,333,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4.9338 บาท รวม 16,692,689,835.54 บาท เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 2551 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หุ้นของบริษัท เอสโซ่ ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า ESSO

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลท. เปิดเผยว่า นับเป็นการรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอประมาณ 34,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนในการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของตลาด หลักทรัพย์ฯ อีกประมาณ 0.5% และกลุ่มทรัพยากรมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5%

ESSO มีทุนชำระแล้ว 16,693 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 3,383,333,300หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4.9338 บาท โดยระหว่างวันที่ 21-22 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และระหว่างวันที่ 23-25 และ 28 เม.ย.2551 เสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 773,333,300 หุ้น หุ้นสามัญเดิมที่ถือโดยกระทรวงการคลัง 72,500,000 หุ้น และหุ้นจัดสรรส่วนเกิน 84,583,300 หุ้น รวมหุ้นที่เสนอขายทั้งสิ้น 930,416,600 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ ณ ระดับราคาหุ้นไอพีโอ ESSO คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 4.8 เท่า จากผลการดำเนินงานปี 2550 ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทและการพิจารณาแผนลงทุนตามความจำเป็น โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2551 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น

ESSO ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (Integrated) รวมทั้ง ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่ง ESSO และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 100 ปี โรงกลั่นและโรงงานอยู่ที่อ. ศรีราชา จ.ชลบุรี ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน 583 แห่งทั่วไทย กำลังการผลิต แบ่งเป็นโรงกลั่นคอมเพล็กซ์ 1.77 แสนบาร์เรลต่อวัน อะโรเมติกส์(PX) 5 แสนตันต่อปี และหน่วยผลิตสารทำละลาย 5 หมื่นตันต่อปี

ก่อนหน้านี้ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่าในวันที่ 6 พ.ค.นี้ซึ่งเป็นวันซื้อขายหุ้นวันแรกของ ESSO เชื่อว่าราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่าราคาจองที่ 10 บาทต่อหุ้น อย่างแน่นอน เนื่องจากมีการดูแลเรื่องของราคาจากบริษัทตัวแทนจัดจำหน่าย โดยใช้กรีนชูออปชั่น

โดยหุ้นเอสโซ่ ที่จะเข้าเทรดรวมเป็นหุ้นสามัญทั้งสิ้น 930.42 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 773.33 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเดิมของกระทรวงการคลัง 72.50ล้านหุ้น และหุ้นส่วนเกิน (กรีนชูออปชั่น) อีก 84.58 ล้านหุ้น ที่จะกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อยเพิ่มอีกจำนวน 25.38 ล้านหุ้น และที่เหลือจะกระจายให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ

"ผมเชื่อว่า ผู้ที่พลาดหวังจากจองหุ้นเอสโซ่ในครั้งแรก จะเข้ามาเก็บหุ้นในตลาดฯแน่นอน ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก ทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศที่จองเกินมาหลายเท่าตัว ทำให้มั่นใจได้ว่าราคาจะยืนอยู่เหนือจอง 10 บาทได้"

ส่วนมีผู้ที่ห่วงราคาหุ้น ESSO จะร่วงหลังรับปันผลนั้น คงมีบ้าง แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ว หุ้นตัวนี้สามารถถือลงทุนได้ ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร เพราะผลประกอบการที่ประมาณการไว้ก็ออกมาดีต่อเนื่อง โดยในปีหน้าเอสโซ่ก็ยังสามารถจ่ายปันผลได้ใกล้เคียงกับปีนี้ ที่จ่ายในอัตรา 1 บาทต่อหุ้นโดยคิดเป็น 10% จากราคาจองที่ 10 บาท

นอกจากนี้ หุ้นของ ESSO ยังมีระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น โดยบริษัทเอ็กซอน โมบิลอินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง อิงค์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 86.77% ยืนยันว่าจะไม่หุ้นออกมาขายภายใน 12 เดือนหลังเข้าตลาดฯ และจะไม่ออกหุ้นสามัญ เพิ่มทุนใหม่ภายใน 12 เดือนหลังเข้าตลาดฯ

ขณะที่ความเห็นของโบรกเกอร์ มองว่า ผลประกอบการของ ESSO ในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 5.7 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท ขณะที่รายได้คาดว่าจะมี 1.8 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 2 แสนล้านบาท เนื่องจาก ส่วนต่างราคานสินค้าที่จำหน่ายลดลงและปีที่ผ่านมาเอสโซ่มีการปรับโครงสร้างทางการเงินและมีการรับรู้รายได้จากการรับโอนธุรกิจปิโตรเคมี

โดยให้ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 13 บาท ทำให้มีช่วงแกว่งขึ้น (อัพไซด์) ประมาณ 30% เอสโซที่ราคาไอพีโอหุ้นละ 10 บาท มีค่า P/E อยู่ที่ 7.7 เท่า ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีจากส่วนต่างราคาหุ้นและจากผลตอบแทนจากเงินปันผล ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ TOP ราคาของเอสโซ่ยังมีอัพไซด์ที่ดีกว่า ดังนั้นโอกาสทำกำไรจึงสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น