"รับฟรี" คนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำนี้ หรือเห็นข้อความนี้ย่อมมีความรู้สึกสนใจ และท่าทางตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกาย ว่ามันคืออะไร! ต้องทำอย่างไร! ถึงจะได้สิ่งๆ นั้นมาครอบครองถึงแม้ว่ามันต้องมีเงื่อนไขประกอบในการรับของฟรีเหล่านั้น
ในปัจจุบันการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ หากมีของแถมควบคู่มาด้วยถึงจะสามารถทำให้สินค้าตัวนั้นๆ เป็นที่สนใจเป็นพิเศษ ธุรกิจกองทุนรวมก็เช่นกันจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการจัดงานออกบูธไม่ว่าจะช่วงไหนๆ จะสังเกตได้ว่ามีหลายบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีการจัดโปรโมชั่นของแถมขึ้นมานำเสนอ ยิ่งถ้า บลจ.ไหนมีของแถมแปลกใหม่ได้ใจ ก็จะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งมีบางคนที่ตัดสินใจลงทุนให้ความสำคัญกับของแถมมากโดยมิได้คำนึงถึงว่ากองทุนที่ลงทุนไปนั้นมีนโยบายการลงทุนอย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ภายหลังเมื่อทราบเงื่อนไขต่างๆ แล้วอาจทำให้ไม่พอใจกับกองทุนที่ถืออยู่ เช่นกองทุนนั้นอาจแฝงไปด้วยค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือเงื่อนไขระยะเวลาในการถือครองกองทุน ดังนั้นควรมีการศึกษาข้อมูลกองทุนก่อนการคิดตัดสินใจลงทุน
#“ศึกษาข้อมูลสักนิด ก่อนคิดตัดสินใจซื้อ”
องค์ประกอบหลักในการตัดสินใจเลือกกองทุนที่จะลงทุน หรือ บลจ.ที่บริหารนั้น โดยหลักแล้วองค์ประกอบที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้
1.เลือกกองทุนที่ตรงกับความต้องการ นโยบาย และเงื่อนไขต่างๆ ในการลงทุน อาทิ เช่น เป็นผู้ที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนสูงในระยะยาว ควรเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) หรือ ผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุนสูง ควรเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งจะช่วยลดการแบกรับภาระในเรื่องของความเสี่ยงจากการลงทุน
2.เปรียบเทียบความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานในอดีต ซึ่งควรพิจารณาในระยะยาว เช่น 3 ปี 5 ปี
3.ปรัชญา หลักการลงทุนที่ยึดถือ และแนวความคิดในการดำเนินธุรกิจของ บลจ. ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
4.การให้บริการ และความสะดวกสบาย
#“ลงทุนเท่าไหร่ ให้เหมาะสมกับตัวเอง”
หลังจากศึกษาองค์ประกอบที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุนแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปที่ต้องดู คือ เป้าหมายในการลงทุนแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่เราต้องโฟกัสให้ตรงจุด โดยกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้เฉพาะเจาะจงขึ้น เช่น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อการศึกษาบุตร สำรองงบรักษาพยาบาลหลังเกษียณ หรือเก็บไว้เพื่อเป็นทุนท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ละคนอาจมีหลายเป้าหมายก็ได้ เช่น
นาย ก. ซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งสิทธิในการซื้อหน่วยลงทุนของ นาย ก. สามารถใช้สิทธิได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี (15% ของรายได้ทั้งปี) แต่ นาย ก. ซื้อกองทุนรวมไป 120,000 บาท นาย ก. ลงทุนเกินสิทธิ เพื่อต้องการของแถมที่ บลจ. แห่งหนึ่งนำเสนอโปรโมชั่นให้ แต่ในการลงทุนครั้งนี้ได้มีเงื่อนไขการลงทุนแฝงอยู่ โดยนาย ก. ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพียง 50,000 บาทเท่านั้น ในส่วนที่เกินสิทธิเป็นจำนวน 70,000 บาทนั้น นายก. จะต้องถือหน่วยลงทุนให้ครบระยะเวลาที่กำหนดตามเงื่อนไขกองทุน และเมื่อครบกำหนดแล้ว นายก. สั่งขายคืนหน่วยลงทุนในส่วนที่เกินสิทธิ 70,000 บาทนั้น ถ้ามีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เกิดขึ้นจะต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีของปีที่ขายคืนหน่วยลงทุน
แต่ถ้า นาย ก.นำส่วนที่เกินสิทธิ 70,000 บาทนี้ ไปลงทุนในกองทุนเปิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว นาย ก. สามารถขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อไรก็ได้ ตามที่กองทุนกำหนด โดยกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เกิดขึ้น ไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี
#“อย่าหลงใหลได้ปลื้ม ไปกับของล่อใจเพียงเล็กน้อย”
พฤติกรรรมของคนไทยมักหลงใหลได้ปลื้มไปกับของแจก ของแถม โดยไม่ค่อยจะนึกถึงสินค้าที่จะซื้อจริงๆ เท่าไหร่นัก สำหรับการลงทุนแล้วไม่ควรนำของแถมมีเปรียบเทียบ หรือนำมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจลงทุน เพราะฉะนั้น “ของพรีเมียมที่สวยหรูดูดี” ที่สุดสำหรับกองทุนรวม คือ การตัดสินใจที่ถูกต้องในการเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตนเอง และเป้าหมายในการลงทุนที่แท้จริงตามองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจ
ดังนั้นควรตัดสินใจซื้อกองทุน โดย “อย่าหลงเชื่อเพียงโฆษณาชวนเชื่อ หรือหลงใหลในของสมมนาคุณเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ไตร่ตรอง”
ในปัจจุบันการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ หากมีของแถมควบคู่มาด้วยถึงจะสามารถทำให้สินค้าตัวนั้นๆ เป็นที่สนใจเป็นพิเศษ ธุรกิจกองทุนรวมก็เช่นกันจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการจัดงานออกบูธไม่ว่าจะช่วงไหนๆ จะสังเกตได้ว่ามีหลายบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีการจัดโปรโมชั่นของแถมขึ้นมานำเสนอ ยิ่งถ้า บลจ.ไหนมีของแถมแปลกใหม่ได้ใจ ก็จะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งมีบางคนที่ตัดสินใจลงทุนให้ความสำคัญกับของแถมมากโดยมิได้คำนึงถึงว่ากองทุนที่ลงทุนไปนั้นมีนโยบายการลงทุนอย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ภายหลังเมื่อทราบเงื่อนไขต่างๆ แล้วอาจทำให้ไม่พอใจกับกองทุนที่ถืออยู่ เช่นกองทุนนั้นอาจแฝงไปด้วยค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือเงื่อนไขระยะเวลาในการถือครองกองทุน ดังนั้นควรมีการศึกษาข้อมูลกองทุนก่อนการคิดตัดสินใจลงทุน
#“ศึกษาข้อมูลสักนิด ก่อนคิดตัดสินใจซื้อ”
องค์ประกอบหลักในการตัดสินใจเลือกกองทุนที่จะลงทุน หรือ บลจ.ที่บริหารนั้น โดยหลักแล้วองค์ประกอบที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้
1.เลือกกองทุนที่ตรงกับความต้องการ นโยบาย และเงื่อนไขต่างๆ ในการลงทุน อาทิ เช่น เป็นผู้ที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนสูงในระยะยาว ควรเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) หรือ ผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุนสูง ควรเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งจะช่วยลดการแบกรับภาระในเรื่องของความเสี่ยงจากการลงทุน
2.เปรียบเทียบความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานในอดีต ซึ่งควรพิจารณาในระยะยาว เช่น 3 ปี 5 ปี
3.ปรัชญา หลักการลงทุนที่ยึดถือ และแนวความคิดในการดำเนินธุรกิจของ บลจ. ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
4.การให้บริการ และความสะดวกสบาย
#“ลงทุนเท่าไหร่ ให้เหมาะสมกับตัวเอง”
หลังจากศึกษาองค์ประกอบที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุนแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปที่ต้องดู คือ เป้าหมายในการลงทุนแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่เราต้องโฟกัสให้ตรงจุด โดยกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้เฉพาะเจาะจงขึ้น เช่น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อการศึกษาบุตร สำรองงบรักษาพยาบาลหลังเกษียณ หรือเก็บไว้เพื่อเป็นทุนท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ละคนอาจมีหลายเป้าหมายก็ได้ เช่น
นาย ก. ซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งสิทธิในการซื้อหน่วยลงทุนของ นาย ก. สามารถใช้สิทธิได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี (15% ของรายได้ทั้งปี) แต่ นาย ก. ซื้อกองทุนรวมไป 120,000 บาท นาย ก. ลงทุนเกินสิทธิ เพื่อต้องการของแถมที่ บลจ. แห่งหนึ่งนำเสนอโปรโมชั่นให้ แต่ในการลงทุนครั้งนี้ได้มีเงื่อนไขการลงทุนแฝงอยู่ โดยนาย ก. ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพียง 50,000 บาทเท่านั้น ในส่วนที่เกินสิทธิเป็นจำนวน 70,000 บาทนั้น นายก. จะต้องถือหน่วยลงทุนให้ครบระยะเวลาที่กำหนดตามเงื่อนไขกองทุน และเมื่อครบกำหนดแล้ว นายก. สั่งขายคืนหน่วยลงทุนในส่วนที่เกินสิทธิ 70,000 บาทนั้น ถ้ามีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เกิดขึ้นจะต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีของปีที่ขายคืนหน่วยลงทุน
แต่ถ้า นาย ก.นำส่วนที่เกินสิทธิ 70,000 บาทนี้ ไปลงทุนในกองทุนเปิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว นาย ก. สามารถขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อไรก็ได้ ตามที่กองทุนกำหนด โดยกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เกิดขึ้น ไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี
#“อย่าหลงใหลได้ปลื้ม ไปกับของล่อใจเพียงเล็กน้อย”
พฤติกรรรมของคนไทยมักหลงใหลได้ปลื้มไปกับของแจก ของแถม โดยไม่ค่อยจะนึกถึงสินค้าที่จะซื้อจริงๆ เท่าไหร่นัก สำหรับการลงทุนแล้วไม่ควรนำของแถมมีเปรียบเทียบ หรือนำมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจลงทุน เพราะฉะนั้น “ของพรีเมียมที่สวยหรูดูดี” ที่สุดสำหรับกองทุนรวม คือ การตัดสินใจที่ถูกต้องในการเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตนเอง และเป้าหมายในการลงทุนที่แท้จริงตามองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจ
ดังนั้นควรตัดสินใจซื้อกองทุน โดย “อย่าหลงเชื่อเพียงโฆษณาชวนเชื่อ หรือหลงใหลในของสมมนาคุณเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ไตร่ตรอง”