“เอ็มเอฟซี”ปรับพอร์ตกองทุนหุ้น ลดน้ำหนักกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสด เพื่อรอจังหวะสถานการณ์ฟื้นตัว ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนเพิ่มเติม ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผล “กองทุนนครหลวงไทย 2” อัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้
นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยเเละกลยุทธ์เเละฝ่ายวิศวกรรมการเงิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวถึงภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ว่า ตลาดหุ้นของไทยยังค่อนข้างผันผวนมาก อย่างไรก็ตามช่วงนี้เเรงขายจากผู้ลงทุนต่างชาติเริ่มเบาบางลง โดยปัจจัยที่สำคัญมาจากปัญหาภายในประเทศ ส่วนปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ซึ่งหลังจากนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะเปลี่ยนเเปลงมากนัก
"เราก็ปรับพอร์ตการลงทุนในส่วนของกองทุนหุ้นแล้ว โดยเลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมกับลดสัดส่วนในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง หรือขนส่งเป็นต้น รวมทั้งหันมาถือครองเงินสดมากขึ้นเพื่อรอดูทิศทางการลงทุน ขณะเดียวกันในช่วงนี้ทางบลจ.มีประชุมกันบ่อยขึ้น เพื่อประเมินทิศทางว่าสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร" นายศุภกร กล่าว
นอกจากนี้ บลจ.มีมติจะทำการจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง (SCIF2) สำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ถึง 31 พฤษภาคม 2551ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 12 มิถุนายน 2551ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 20 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง เข้าจดทะเบียนกองทุนตั้งเเต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 มีมูลค่าที่จดทะเบียน 1,500 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปัจจุบันอยู่ที่ 61.62 ล้านบาท ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ส่วนด้านนโยบายการจ่ายปันผลนั้น กองทุนจะทำการจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริง (realized)ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้จากข้อมูลพบว่า ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 กองทุน SCIF2 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.07% ซึ่ง เกณฑ์มาตรฐานคือ -1.43 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.23 % เกณฑ์มาตรฐานคือ -1.51 % ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 19.59 % โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 10.57 %
โดยกองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง มีสัดส่วนลงทุน กลุ่มพลังงาน 41.77% กลุ่มธนาคาร 23.19% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 6.75% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.73% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6.30% กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆอีก 10.36% เเละกลุ่มตราสารทางการเงินอื่นๆอีก 4.90%
ขณะที่ 10 อันดับแรกที่กองทุนเข้าไปลงทุนได้เเก่บริษัท ปตท. 15.62 % บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 12.94 % บริษัท บ้านปู 8.95 % บริษัท ธนาคารกรุงเทพ 7.85 % ธนาคารกสิกรไทย 7.25% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.30% บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย 5.54 % ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.88 % ธนาคารกรุงไทย 2.45 % เเละบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ 2.25 %
นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยเเละกลยุทธ์เเละฝ่ายวิศวกรรมการเงิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวถึงภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ว่า ตลาดหุ้นของไทยยังค่อนข้างผันผวนมาก อย่างไรก็ตามช่วงนี้เเรงขายจากผู้ลงทุนต่างชาติเริ่มเบาบางลง โดยปัจจัยที่สำคัญมาจากปัญหาภายในประเทศ ส่วนปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ซึ่งหลังจากนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะเปลี่ยนเเปลงมากนัก
"เราก็ปรับพอร์ตการลงทุนในส่วนของกองทุนหุ้นแล้ว โดยเลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมกับลดสัดส่วนในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง หรือขนส่งเป็นต้น รวมทั้งหันมาถือครองเงินสดมากขึ้นเพื่อรอดูทิศทางการลงทุน ขณะเดียวกันในช่วงนี้ทางบลจ.มีประชุมกันบ่อยขึ้น เพื่อประเมินทิศทางว่าสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร" นายศุภกร กล่าว
นอกจากนี้ บลจ.มีมติจะทำการจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง (SCIF2) สำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ถึง 31 พฤษภาคม 2551ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 12 มิถุนายน 2551ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 20 มิถุนายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง เข้าจดทะเบียนกองทุนตั้งเเต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 มีมูลค่าที่จดทะเบียน 1,500 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปัจจุบันอยู่ที่ 61.62 ล้านบาท ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ส่วนด้านนโยบายการจ่ายปันผลนั้น กองทุนจะทำการจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริง (realized)ในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้จากข้อมูลพบว่า ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 กองทุน SCIF2 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.07% ซึ่ง เกณฑ์มาตรฐานคือ -1.43 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.23 % เกณฑ์มาตรฐานคือ -1.51 % ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 19.59 % โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 10.57 %
โดยกองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง มีสัดส่วนลงทุน กลุ่มพลังงาน 41.77% กลุ่มธนาคาร 23.19% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 6.75% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.73% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6.30% กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆอีก 10.36% เเละกลุ่มตราสารทางการเงินอื่นๆอีก 4.90%
ขณะที่ 10 อันดับแรกที่กองทุนเข้าไปลงทุนได้เเก่บริษัท ปตท. 15.62 % บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 12.94 % บริษัท บ้านปู 8.95 % บริษัท ธนาคารกรุงเทพ 7.85 % ธนาคารกสิกรไทย 7.25% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6.30% บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย 5.54 % ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.88 % ธนาคารกรุงไทย 2.45 % เเละบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ 2.25 %