"การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น ในช่วงปีนี้ เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจนรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในภาวะถดถอย แต่เศรษฐกิจโลกรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่ไม่มากและไม่น้อยไป เพราะได้รับแรงขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่าง จีน อินเดีย และประเทศที่ได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นทำให้เศรษฐกิจของโลกยังมีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าลงทุน"
เมื่อการลงทุนในประเทศเริ่มมีทางเลือกในการลงทุนน้อยลง แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของโลกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป โดยเมื่อราคานํ้ามันแพงขึ้นมากเท่าไรพลังงานทางเลือกอย่างสินค้าเกษตรซึ่งถูกนำมาใช้เป็นพลังานทางเลือกนอกเหนือจากการบริโภคก็มีราคาที่สูงขึ้นตามกันไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จากภาวะดังกล่าวนี้ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนแก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ ทำให้บริษัทจัดการลงทุนหลายแห่งมีการออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะที่ปรึกษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ราคานํ้ามันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นการเพิ่มขึ้นมาเท่ากับอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยนั้นอยู่ในฐานะที่ดีขึ้นไม่ใช่ยํ่าแย่ลง เพราะประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าเกษตรมากกว่าการนำเข้านํ้ามัน แต่ในปัจจุบันสถานการณ์กลับกันราคานํ้ามันมีราคาสูงขึ้นมากกว่าราคาสินค้าเกษตร
สำหรับเรื่องของการลงทุนนั้น นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนนอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศไทย หรือลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยสามารถมองหาการลงทุนในต่างประเทศที่มีศักยภาพที่ดีได้ เช่น การลงทุนในตะวันออกกลาง หรือลงทุนในกลุ่มพลังงานทางเลือก เช่นสินค้าเกษตร ดังนั้นการมีกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศออกมาอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการบริหารเงินลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถที่จะดูแลทรัพย์สมบัติของตนเองได้
ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ได้เปิดกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 3 กองได้แก่ กองทุน K-MENA ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนตะวันอกกลาง กองทุนK-AGI เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตร และ กองทุน K-GOLD เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่น่าลงทุนในกองทุนต่างประเทศในขณะนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของโลกค่อนข้างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้บทบาทของประเทศอุตสาหกรรมได้ลดลงมา โดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ถูกทดแทนโดยประเทศกำลังพัฒนา ประการต่อมา คือ ราคานํ้ามันที่สูงขึ้นมามากและในระยะยาวคาดว่าราคานํ้ามันจะขึ้นสูงอย่างมาก ประการสุดท้าย คือ ราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นตามราคานํ้ามัน รวมทั้งปัญหาโลกร้อนที่คาดว่าในระยะ 20 ปีข้างหน้าจะมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นด้วย
"การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น ในช่วงปีนี้ เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจนรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในภาวะถดถอย แต่เศรษฐกิจโลกรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่ไม่มากและไม่น้อยไป เพราะได้รับแรงขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่าง จีน อินเดีย และประเทศที่ได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นทำให้เศรษฐกิจของโลกยังมีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าลงทุน นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี เช่นในประเทศในอแฟริกาที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพราะได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามัน และทรัพยากรณ์ธรรมชาติอย่างทองคำ ขณะที่ประเทศในตะวันออกกลางมีรายได้จำนวนมากจากราคานํ้ามันที่สูงขึ้นอย่างที่ทราบกัน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง" นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกันในเรื่องของความต้องการใช้นํ้ามันในช่วง3 -4ปีที่ผ่านมา มีความต้องการอย่างมากในหลายประเทศแต่เมื่อราคานํ้ามันปรับตัวสูงขึ้นมาก กลับทำให้ความต้องการใช้นํ้ามันปรับตัวลดลงไป โดยประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงญี่ปุ่น มีการลดการใช้นํ้ามันลง แต่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดียมีความต้องการใช้นํ้ามันอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้หลายประเทศที่ส่งออกและได้รับประโยชน์จากราคามันที่สูงขึ้นและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เช่น ประเทศรัสเซีย ซึ่งปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่า การผลิตนํ้ามันจากพืชจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 636 พันล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2005 เป็น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2011 โดยการผลิตนํ้ามันจากพืชส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นมาจากสหรัฐอเมริกา บราซิล(เอทานอล) และ ยุโรป (ไบโอดีเซล) รวมทั้ง ไทย มาเลเซีย จีน อินเดีย ซึ่งความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพของอุตสาหกรรมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลในปัจจุบันมีมากกว่าการใช้จริง 3 เท่า
ดังนั้นจากราคานํ้ามันที่สูงอยู่ในขณะนี้และคาดการณ์กันว่าน่าจะประบตัวสูงขึ้นไปอีกในระยะยาว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการหาพลังงานประเภทอื่นมาทดแทน โดยมีสินค้าเกษตรเป็นพลังงานทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากโดยมีการนำไปใช้ในการผลิตความร้อนและไฟฟ้า ทำให้สินค้าเกษตรหลายชนิดมีราคาที่สูงขึ้นตามไปกับราคานํ้ามัน ซึ่งวัสดุทางการเกษตรที่เหลือทั้งจะถูกนำไปพัฒนาเป็นพลังงานทางเลือกอื่นทำให้ส่วนที่เหลือทิ้งจะมีปริมาณลดลง แต่ความต้องการใช้สินค้าเกษตรในปริมาณที่มากอาจประสบปัญหาในเรื่องของข้อจำกัดของที่ดินเพาะปลูกและการใช้ในการบริโภค
"การลงทุนในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว เพราะการลงทุนในระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่" นายปิยสวัสดิ์ กล่าวทิ้งทายว่า
เมื่อการลงทุนในประเทศเริ่มมีทางเลือกในการลงทุนน้อยลง แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของโลกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป โดยเมื่อราคานํ้ามันแพงขึ้นมากเท่าไรพลังงานทางเลือกอย่างสินค้าเกษตรซึ่งถูกนำมาใช้เป็นพลังานทางเลือกนอกเหนือจากการบริโภคก็มีราคาที่สูงขึ้นตามกันไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จากภาวะดังกล่าวนี้ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนแก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ ทำให้บริษัทจัดการลงทุนหลายแห่งมีการออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะที่ปรึกษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ราคานํ้ามันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นการเพิ่มขึ้นมาเท่ากับอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยนั้นอยู่ในฐานะที่ดีขึ้นไม่ใช่ยํ่าแย่ลง เพราะประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าเกษตรมากกว่าการนำเข้านํ้ามัน แต่ในปัจจุบันสถานการณ์กลับกันราคานํ้ามันมีราคาสูงขึ้นมากกว่าราคาสินค้าเกษตร
สำหรับเรื่องของการลงทุนนั้น นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนนอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศไทย หรือลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยสามารถมองหาการลงทุนในต่างประเทศที่มีศักยภาพที่ดีได้ เช่น การลงทุนในตะวันออกกลาง หรือลงทุนในกลุ่มพลังงานทางเลือก เช่นสินค้าเกษตร ดังนั้นการมีกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศออกมาอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการบริหารเงินลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถที่จะดูแลทรัพย์สมบัติของตนเองได้
ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ได้เปิดกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 3 กองได้แก่ กองทุน K-MENA ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนตะวันอกกลาง กองทุนK-AGI เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตร และ กองทุน K-GOLD เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่น่าลงทุนในกองทุนต่างประเทศในขณะนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของโลกค่อนข้างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้บทบาทของประเทศอุตสาหกรรมได้ลดลงมา โดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ถูกทดแทนโดยประเทศกำลังพัฒนา ประการต่อมา คือ ราคานํ้ามันที่สูงขึ้นมามากและในระยะยาวคาดว่าราคานํ้ามันจะขึ้นสูงอย่างมาก ประการสุดท้าย คือ ราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นตามราคานํ้ามัน รวมทั้งปัญหาโลกร้อนที่คาดว่าในระยะ 20 ปีข้างหน้าจะมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นด้วย
"การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น ในช่วงปีนี้ เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจนรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในภาวะถดถอย แต่เศรษฐกิจโลกรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่ไม่มากและไม่น้อยไป เพราะได้รับแรงขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่าง จีน อินเดีย และประเทศที่ได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นทำให้เศรษฐกิจของโลกยังมีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าลงทุน นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี เช่นในประเทศในอแฟริกาที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพราะได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามัน และทรัพยากรณ์ธรรมชาติอย่างทองคำ ขณะที่ประเทศในตะวันออกกลางมีรายได้จำนวนมากจากราคานํ้ามันที่สูงขึ้นอย่างที่ทราบกัน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง" นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกันในเรื่องของความต้องการใช้นํ้ามันในช่วง3 -4ปีที่ผ่านมา มีความต้องการอย่างมากในหลายประเทศแต่เมื่อราคานํ้ามันปรับตัวสูงขึ้นมาก กลับทำให้ความต้องการใช้นํ้ามันปรับตัวลดลงไป โดยประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงญี่ปุ่น มีการลดการใช้นํ้ามันลง แต่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดียมีความต้องการใช้นํ้ามันอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้หลายประเทศที่ส่งออกและได้รับประโยชน์จากราคามันที่สูงขึ้นและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เช่น ประเทศรัสเซีย ซึ่งปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่า การผลิตนํ้ามันจากพืชจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 636 พันล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2005 เป็น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2011 โดยการผลิตนํ้ามันจากพืชส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นมาจากสหรัฐอเมริกา บราซิล(เอทานอล) และ ยุโรป (ไบโอดีเซล) รวมทั้ง ไทย มาเลเซีย จีน อินเดีย ซึ่งความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพของอุตสาหกรรมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลในปัจจุบันมีมากกว่าการใช้จริง 3 เท่า
ดังนั้นจากราคานํ้ามันที่สูงอยู่ในขณะนี้และคาดการณ์กันว่าน่าจะประบตัวสูงขึ้นไปอีกในระยะยาว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการหาพลังงานประเภทอื่นมาทดแทน โดยมีสินค้าเกษตรเป็นพลังงานทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากโดยมีการนำไปใช้ในการผลิตความร้อนและไฟฟ้า ทำให้สินค้าเกษตรหลายชนิดมีราคาที่สูงขึ้นตามไปกับราคานํ้ามัน ซึ่งวัสดุทางการเกษตรที่เหลือทั้งจะถูกนำไปพัฒนาเป็นพลังงานทางเลือกอื่นทำให้ส่วนที่เหลือทิ้งจะมีปริมาณลดลง แต่ความต้องการใช้สินค้าเกษตรในปริมาณที่มากอาจประสบปัญหาในเรื่องของข้อจำกัดของที่ดินเพาะปลูกและการใช้ในการบริโภค
"การลงทุนในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว เพราะการลงทุนในระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่" นายปิยสวัสดิ์ กล่าวทิ้งทายว่า