คำถาม - อ่านเจอในนสพ.ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนจะเปลี่ยนจากบลจ.ไอเอ็นจี ไปเป็นของ บลจ.บัวหลวง ไม่ทราบว่าจะมีผลอย่างไรกับผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนบ้างคะ(ดิฉันไม่ได้ซื้อกองนี้ แต่ดิฉันก็มีกองอื่นที่ซื้อจากบลจ.ไอเอ็นจี ก็เลยอยากทราบว่าจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง) window เเละอีก 1 คำถามนะครับ อยากทราบ Backgroud และ Foreground ของเรื่องนี้เหมือนกัน handy man
ตอบ - ก่อนหน้าทีมทางทีมงานของเราได้ นำเสนอข่าวเรื่องของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนไปเเล้ว วันนี้เราจึงขอนำข้อมูลดังกล่าวมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันนะครับ เเเต่เดิมผู้ถือหน่วยลงทุน TFUND ต้องการให้บลจ.บัวหลวงเป็นผู้ดูเเล เเต่ทางบลจ.บัวหลวงยังไม่พร้อมที่จะดูเเลกองทุนดังกล่าว ทางผู้ถือหน่วยจึงให้บลจ.ไอเอ็นจี เป็นผู้ดูเเลผลประโยชน์ไปก่อน เเละไม่เมื่อนานมานี้ทางผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือมายังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขอให้บริษัทดำเนินการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนให้แก้ไขโครงการจัดการกองทุน ด้วยการเปลี่ยนบริษัทจัดการกองทุนจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เป็น บลจ.บัวหลวงเเทน
โดยที่หนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้กำหนดไว้แล้วว่าภายในระยะเวลา 5 ปี ถ้ามีเหตุให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการโดยที่บริษัทจัดการเดิมไม่ได้ทำความเสียหาย กองทุนจะต้องจ่ายเงินค่าบริหารจัดการเต็มจำนวนระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในส่วนของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้บริหารจัดการ TFUND มาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี คงเหลือระยะเวลาตามกำหนดอีกประมาณ 2 ปีที่กองทุนจะต้องจ่ายเงินค่าบริหารจัดการให้แก่บลจ.คิดเป็นวงเงินประมาณ 16 ล้านบาท
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทาง วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง บอกว่า สำหรับกรณีนี้ บลจ.บัวหลวง ขอยืนยันว่า บริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าปรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการกองทุนแทน TFUND ตามเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการที่ระบุไว้ในโครงการ และขอให้คำมั่นว่าผู้ถือหน่วยลงทุน TFUND จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการกองทุนแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องเงินค่าปรับที่ บลจ.บัวหลวง ยินดีจ่ายเงินแทนให้
อย่างไรก็ตามก็ขอให้ผู้ถือหน่วยของกองทุนดังกล่าว อุ่นใจได้ครับ สำหรับหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนในที่ดินและอาคารโรงงานมาตรฐานของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ในนิคมอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม รวม 8 แห่ง โดย ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนดังต่อไปนี้ อันดับ 1 บริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 120,263,000 หน่วย คิดเป็น 21.29 % , อันดับ 2 AYUDHYA ALLIANZ C.P. LIFE PUBLIC COMPANY ถือหน่วยจำนวน 52,067,878 หน่วย คิดเป็น9.22% , อันดับ 3. Ge Real Estate Investment Holdings ถือหน่วยจำนวน 50,000,000 หน่วย คิดเป็น 8.85% , อันดับ 4 บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 40,103,250.00 หน่วย คิดเป็น 7.10%
อันดับ 5 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR LONDON ถือหน่วยจำนวน 30,400,000 หน่วย คิดเป็น 5.38% , อันดับ 6 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 28,366,600 หน่วย คิดเป็น 5.02% , อันดับ 7 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 21,400,000 หน่วย คิดเป็น 3.79% , อันดับ 8 สำนักงานประกันสังคม ถือหน่วยจำนวน 20,067,000 หน่วย คิดเป็น 3.55% , อันดับ 9 BANK SARASIN-RABO (ASIA) LTD ถือหน่วยจำนวน 14,780,000 หน่วย คิดเป็น 2.62% และอันดับ 10 บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 12,169,375 หน่วย คิดเป็น 2.15%
นี่ก็เป็นข้อมูลทั้ง Backgroud และ Foreground รวมถึงความมั่นใจจากทางผู้บริหารบลจ.บัวหลวง นะครับ ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
ตอบ - ก่อนหน้าทีมทางทีมงานของเราได้ นำเสนอข่าวเรื่องของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนไปเเล้ว วันนี้เราจึงขอนำข้อมูลดังกล่าวมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันนะครับ เเเต่เดิมผู้ถือหน่วยลงทุน TFUND ต้องการให้บลจ.บัวหลวงเป็นผู้ดูเเล เเต่ทางบลจ.บัวหลวงยังไม่พร้อมที่จะดูเเลกองทุนดังกล่าว ทางผู้ถือหน่วยจึงให้บลจ.ไอเอ็นจี เป็นผู้ดูเเลผลประโยชน์ไปก่อน เเละไม่เมื่อนานมานี้ทางผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือมายังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขอให้บริษัทดำเนินการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนให้แก้ไขโครงการจัดการกองทุน ด้วยการเปลี่ยนบริษัทจัดการกองทุนจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เป็น บลจ.บัวหลวงเเทน
โดยที่หนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้กำหนดไว้แล้วว่าภายในระยะเวลา 5 ปี ถ้ามีเหตุให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการโดยที่บริษัทจัดการเดิมไม่ได้ทำความเสียหาย กองทุนจะต้องจ่ายเงินค่าบริหารจัดการเต็มจำนวนระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในส่วนของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้บริหารจัดการ TFUND มาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี คงเหลือระยะเวลาตามกำหนดอีกประมาณ 2 ปีที่กองทุนจะต้องจ่ายเงินค่าบริหารจัดการให้แก่บลจ.คิดเป็นวงเงินประมาณ 16 ล้านบาท
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทาง วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง บอกว่า สำหรับกรณีนี้ บลจ.บัวหลวง ขอยืนยันว่า บริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าปรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการกองทุนแทน TFUND ตามเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการที่ระบุไว้ในโครงการ และขอให้คำมั่นว่าผู้ถือหน่วยลงทุน TFUND จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการกองทุนแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องเงินค่าปรับที่ บลจ.บัวหลวง ยินดีจ่ายเงินแทนให้
อย่างไรก็ตามก็ขอให้ผู้ถือหน่วยของกองทุนดังกล่าว อุ่นใจได้ครับ สำหรับหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนในที่ดินและอาคารโรงงานมาตรฐานของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ในนิคมอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม รวม 8 แห่ง โดย ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนดังต่อไปนี้ อันดับ 1 บริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 120,263,000 หน่วย คิดเป็น 21.29 % , อันดับ 2 AYUDHYA ALLIANZ C.P. LIFE PUBLIC COMPANY ถือหน่วยจำนวน 52,067,878 หน่วย คิดเป็น9.22% , อันดับ 3. Ge Real Estate Investment Holdings ถือหน่วยจำนวน 50,000,000 หน่วย คิดเป็น 8.85% , อันดับ 4 บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 40,103,250.00 หน่วย คิดเป็น 7.10%
อันดับ 5 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR LONDON ถือหน่วยจำนวน 30,400,000 หน่วย คิดเป็น 5.38% , อันดับ 6 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 28,366,600 หน่วย คิดเป็น 5.02% , อันดับ 7 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 21,400,000 หน่วย คิดเป็น 3.79% , อันดับ 8 สำนักงานประกันสังคม ถือหน่วยจำนวน 20,067,000 หน่วย คิดเป็น 3.55% , อันดับ 9 BANK SARASIN-RABO (ASIA) LTD ถือหน่วยจำนวน 14,780,000 หน่วย คิดเป็น 2.62% และอันดับ 10 บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยจำนวน 12,169,375 หน่วย คิดเป็น 2.15%
นี่ก็เป็นข้อมูลทั้ง Backgroud และ Foreground รวมถึงความมั่นใจจากทางผู้บริหารบลจ.บัวหลวง นะครับ ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ