xs
xsm
sm
md
lg

KESTคาดธุรกิจบลจ.เปิดปลายปีนี้ ฟุ้งรายได้โตเกิน20%เหตุซื้อขายสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กกิมเอ็งเชื่อหากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันทรงตัว 2 หมื่นล้านบาท ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% แน่ วางเป้ามาร์เกตแชร์ที่ 9% พร้อมเป้ารายได้วาณิชธนกิจให้ใกล้เคียงปี 49 ที่ 60 ล้านบาท ด้าน บลจ. คาดเปิดได้ปลายปีนี้ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 นี้ดีตามมาร์เกตแชร์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.85% จาก 8.13% ในไตรมาสแรกปีนี้ ด้าน BLS ฟุ้งปีนี้ดันรายได้สูงเหมือนปี 49 ที่ทำไว้ 200 ล้านบาท เหตุมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงขึ้นจากปี 50

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% จาก 1.97 พันล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 1.7 หมื่นล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งหากในช่วงครึ่งปีหลังมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสามารถทรงตัวที่ระดับดังกล่าวได้ บริษัทก็เชื่อมั่นว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย

บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 8.5-9 % และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ธุรกิจนายหน้าซื้อขายอนุพันธ์ที่ 11% และอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้งตั้งเป้าไว้ที่ 17% ซึ่งสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากธุรกิจนายหน้า 90% ธุรกิจวาณิชธนกิจ 7% และอื่นๆ 3 % โดยธุรกิจวาณิชธนกิจที่เป็นงานไอพีโอคาดว่าจะมี 3-5 งาน ล่าสุดบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายและประกันการจัดจำหน่ายร่วมหุ้นของ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี ร่วมกับ บล.พัฒนสิน ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจสูงกว่าปี 50 ที่ทำได้30 ล้านบาท และพยายามให้ใกล้เคียงกับปี 49 ที่มี60 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติใบอนุญาตการประกอบธุรกิจให้กับบริษัทแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกทีมงานเข้ามาบริหาร คาดเปิดได้ปลายปีนี้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทไม่มีนโยบายลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อครหาว่าบริษัทออกบทวิเคราะห์เพื่อผลประโยชน์ในการซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท ดังนั้นเมื่อ บลจ.จัดตั้งขึ้น บริษัทก็สามารถเข้าไปลงทุน เพื่อให้ทาง บลจ. บริหารพอร์ตการลงทุนของบริษัท ส่วนจำนวนเงินยังไม่สามารถระบุได้

โดยขณะนี้ ส่วนธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ บริษัทก็ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจแล้ว และปัจจุบันให้บริการเฉพาะลูกค้าสถาบัน ส่วนลูกค้ารายย่อยคาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่ผลงานไตรมาส 2 น่าจะมีแนวโน้มดี ผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้น และมาร์เกตแชร์ที่สูงขึ้นเป็น 8.85% จากช่วงไตรมาส 1/51 ที่ 8.13% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีการซื้อขาย 60,000 บัญชี และซื้อขายสม่ำเสมอ 50 % จากบัญชีซื้อขายทั้งหมด

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS กล่าวว่า รายได้ด้านวาณิชธนกิจปีนี้ของบริษัทจะกลับมาอยู่ในระดับสูงเหมือนปี 49 ที่มี 200 ล้านบาท ส่วนปี 50 มีรายได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท เพราะบริษัทรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นและผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นหลายบริษัท ซึ่งเข้าจดทะเบียนในปีนี้แล้ว 2 บริษัท คือ บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TTW และบริษัท พรีเมียร์ มาร์เกตติ้ง จำกัด (มหาชน)หรือ PM

ทั้งนี้บริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก คือ บริษัทโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)หรือ GH ซึ่งบล.บัวหลวงเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น ส่วนบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตจำกัด (มหาชน)นั้นเป็นผู้ร่วมเสนอขายหุ้น ซึ่งคาดจะเข้าซื้อขายไตรมาส 3 นี้ และปลายปีบริษัทมีงานไอพีโออีก 2 ดีล รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในการออกเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์

สำหรับรายได้รวมปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะสูงกว่าปี 50 ที่มี 972 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 221 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น