xs
xsm
sm
md
lg

TMBAMปลื้มยอดจองLUXFล้น 4เดือนแรกเอยูเอ็มขยายตัวแตะ1.34แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่สุดร้อนแรงได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงจนยอดจองล้นทะลัก "โชติกา" ระบุเหตุฮอตเพราะกองทุนมีการันตีผลตอบแทน 5 ปีแรกแถมให้ยิลด์สวยชนะเงินเฟ้อ ประกอบกับเป็นการลงทุนแบบซื้อกรรมสิทธิ์ เผยเตรียมเข็นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลท.ภายในกลางเดือนมิ.ย.นี้ ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ขยายตัวต่อเนื่อง ล่าสุดมีถึง 134,606.09 ล้านบาท

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury Real Estate Investment Fund : LUXF) ที่มีมูลค่าโครงการรวม 1,965 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 7 - 15 พฤษภาคม 2551 ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 กว่า 1,377 ล้านบาท เกินมูลค่าไอพีโอที่ 1,310 ล้านบาท โดยบริษัทโรงแรมป่าเกาะ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินเดิมจะทำการซื้อส่วนที่เหลือจากการจองซื้อซึ่งต่ำกว่าสัดส่วน 1 ใน 3 ที่เจ้าของเดิมตั้งใจจะซื้อตามกฎของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าสาเหตุที่กองทุนได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากบริษัท โรงแรมป่าเกาะ จำกัด มีการรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำให้แก่กองทุนเป็นระยะเวลาถึง 5 ปี เพื่อนำมาจ่ายผลตอบแทน คือ ปีที่ 1 อัตรา 6.0% ปีที่ 2 อัตรา 6.5% และ ปีที่ 3 – 5 อีกปีละ 7% โดยถือเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำในสภาวะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันกองทุนยังเป็นกองทุนที่ซื้อกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทรีสอร์ต ทำให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสจากมูลค่าโครงการที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตตามการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะภูเก็ตซึ่งมีราคาสูงขึ้นมาโดยตลอด จึงถือว่าเป็นจุดเด่นที่นักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุน

“ยอดจองที่มีเข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย โดยได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าสาขาของธนาคารทหารไทย นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่เข้ามาจองในช่วงการออกบูธในงานมันนี่เอ็กซ์โปถึง 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นักลงทุนรายย่อยมีความเข้าใจในกองทุนอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น และเลือกกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนลักซ์ชัวรี่” นางโชติกากล่าว

นางโชติกา กล่าวว่า ทั้งนี้เนื่องมาจากยอดจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่เกินมูลค่าโครงการ บริษัทจึงจะทำการจัดสรรหน่วยลงทุนในลักษณะ small lot first คือให้นักลงทุนทุกรายตามมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำที่กำหนดในโครงการก่อน และจะจัดสรรเป็นจำนวนทวีคูณของ 1,000 บาท หรือตามจำนวนที่จองแล้วแต่ยอดใดจะต่ำกว่าวนเป็นรอบไปเรื่อยจนกว่าจะครบตามจำนวนผู้จอง หลังจากนั้น จึงจะจดทะเบียนตั้งกองทุน โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในกลางเดือนมิถุนายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อว่า “LUXF” เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุน

สำหรับ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนโยบายลงทุนโดยการซื้อกรรมสิทธิ์ (Freehold) ของโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ของบริษัท โรงแรมป่าเกาะ จำกัด โดยกองทุนจะได้รับประโยชน์จากการให้เช่าทรัพย์สินแก่บริษัท อีเอชวาย จำกัด ซึ่งที่ถือหุ้นโดยบจ.โรงแรมป่าเกาะ 99% เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจะมีการต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปี หลังจากนั้นจะมีการต่อสัญญาเช่าอีกครั้งละ 3 ปี จำนวน 5 ครั้ง โดยอีเอชวายจะว่าจ้างให้เครือซิกส์เซ้นส์ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรมระดับโลกเป็นผู้บริหารโครงการ ซึ่งกองทุนจะได้รับค่าเช่าเป็น 3 ส่วนคือ ค่าเช่าอัตราคงที่ ค่าเช่าผันแปร และค่าเช่าแปรผันตามความสามารถของการบริหารงานในแต่ละปี

โดย โครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อย ที่กองทุนจะซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์จะประกอบด้วยที่ดิน 11 แปลง พื้นที่รวมกว่า 76 ไร่ สิ่งปลูกสร้างที่เป็นวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว จำนวน 56 หลัง มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 154-1,473 ตร.ม. รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 12,757 ตร.ม. นอกจากนี้ยังมีบ้านพักคนงาน 10 หลังอาคารส่วนบริหาร อาคารสำนักงาน อาคารฝ่ายวิศวกรรม อาคารส่วนสนับสุนนและบริการ เช่น สปา ห้องอาหาร ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า สนามเทนนิส ห้องสมุด ห้องชมภาพยนตร์และเพลงรวม ห้องซักรีด เนื้อที่ประมาณ 4,300 ตร.ม. รวมทั้ง เฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด

นอกจากนี้ ภายในงานมันนี เอ็กซ์โป นอกเหนือจากการซื้อหน่วยในกองทุนรวม LUXF แล้ว ประชาชนยังเข้ามาจองซื้อหน่วยลงทุนกองอื่นๆของบลจ.เพิ่มเติมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) รวมทั้ง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) 10 ล้านบาท และกองทุนประเภทอื่นๆ รวมกว่า 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากตรวจสอบมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม)ของบลจ.ทหารไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมา (เม.ย. 2551)บริษัทมีเอยูเอ็มทั้งสิ้น 134,295.18ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงไปจากช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินยุโรป (ECP) หลายกองทุนที่บริษัทบริหาร หมดอายุโครงการลงไป โดยสาเหตุของการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งนี้ มาจากกองทุนใหม่ของบริษัทที่ได้นำออกมาเสนอขายตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักลงทุนในขณะนี้ และ ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัมมีเอยูเอ็มทั้ง 134,606.09 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น