xs
xsm
sm
md
lg

กินอาหารครบ 3 มื้อก็มี "เปปไทด์” ไว้ใช้ความคิดดีๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ในสัดส่วนพอเหมาะทั้งสามมื้อ ช่วยตุนสารอะมิโนสำหรับสร้างสื่อประสาทให้พร้อม (ภาพจากinstablogsimages.com)
นักโภชนาการ จุฬาฯ ระบุกินอาหารครบ 3 มื้อในสัดส่วนพอเหมาะ ก็ให้ "เปปไทด์" ไปย่อยเป็น "กรดอะมิโน" สร้างสารสื่อประสาท ด้านนักวิชาการสิ่งทอแจง "ชุดนาโน" กระชับสัดส่วนด้วยสารให้รังสีอินฟราเรด เป็นแนวคิดที่เป็นไปได้ แต่ยากจะทอเส้นใยผ้าให้แข็งแรง และเพิ่มความร้อนในระดับที่ลดไขมันได้

หลังจากโฆษณาเครื่องดื่ม "ซอยเปปไทด์” โปรตีนจากถั่วเหลืองโลดแล่นอยู่บนจอทีวีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทางศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้จัดเวทีเสวนาคุยกันฉันวิทย์ เรื่อง "วิทยาศาสตร์กับการโฆษณาสินค้า” เมื่อวันที่ 26 พ.ย.51 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผศ.ดร.รมณี สงวนดีกุล หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยากรที่ร่วมวงเสวนากล่าวว่า เปปไทด์ (peptide) คือโปรตีนที่ย่อยแล้ว ซึ่งสุดท้ายจะย่อยเป็นกรดอะมิโน โดยแหล่งของโปรตีนมีอยู่หลายแหล่ง อาทิ นม ถั่วเหลือง เป็นต้น โดยแต่ละแหล่งโปรตีนให้กรดอะมิโนที่ต่างชนิดกัน

“ในแง่โภชนาการสุดท้าย โปรตีนจะย่อยไปเป็นกรดอะมิโน ซึ่งร่างกายดูดซึมได้แน่ๆ และเป็นรูปแบบที่ร่างกายนำไปใช้สร้างโปรตีนอื่นๆ แต่ก็มีได-เปปไทด์ (di-peptide) ซึ่งเป็นกรดอะมิโน 2 ตัว และไตร-เปปไทด์ (tri-peptide) ที่มีช่องทางในการดูดซึมเข้าไปได้ จากอาหารที่เรารับประทาน ถ้ารับประทานอย่างครบถ้วนเหมาะสมทั้งสามมื้อ ไม่เว้นมื้อนานเกินไป เราก็น่าจะมีสารอะมิโนไว้เตรียมพร้อม และอาหารฟังก์ชันก็อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น" ผศ.ดร.รมณี

อย่างไรก็ดี นักโภชนาการจากจุฬาฯ ระบุว่า สารเปปไทด์จากโปรตีนถั่วเหลืองที่วางจำหน่ายนั้นคงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่น่าจะเป็นทางเลือกในเรื่องอาหารเสริมมากกว่า ซึ่งถ้าจำเป็นก็ใช้เป็นทางเลือกได้ และคงไม่ใช่รับประทานแล้วจะสมองดีตลอดเวลา และผู้บริโภคเองก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ได้รับคุ้มกับราคาหรือไม่ พร้อมกล่าวด้วยว่าเครื่องปรุงอาหารไทยๆ หลายชนิดก็มีเปปไทด์อยู่เหมือนกัน อาทิ ซีอิ๊ว น้ำปลา ถั่วเน่า หรือสมุนไพรบางชนิด เป็นต้น

ทางด้าน ภญ.ยุวดี พัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กล่าวถึงการลงโทษการโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าที่เข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีพระราชบัญญัติที่มีบทลงโทษรุนแรงขึ้น จากเดิมที่มีการโฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้อนุญาตจะถูกปรับ 1 หมื่นบาท เพิ่มเป็นปรับ 5 หมื่นบาท และโทษจำคุกอีก 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับ อีกทั้งยังมีบทลงโทษสำหรับโฆษณาเกินจริงหรือทำให้เข้าใจสาระสำคัญของเครื่องมือแพทย์ผิดไป โดยจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ทางกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ได้จ้างบริษัทให้อัดเทปและตัดโฆษณาที่เข้าข่ายทำผิดพระราชบัญญัติ โดยมีความร่วมมืกับกองอื่นๆ ในสำนักงาน อย.ด้วย แต่ ภญ.ยุวดีบอกว่า ยังเปิดให้ประชาชนร่วมกันเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดได้ที่สายด่วน 1556 หรือเว็บไซต์ http://www.fda.moph.go.th โดยผู้ที่เก็บหลักฐาน เช่น เอกสารโฆษณา เทปอัดคำพูดโฆษณา เป็นต้น แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์ว่ามีการโฆษณาเกินจริง ผู้แจ้งเบาะแสจะได้สินบนนำจับ 15% ของค่าปรับ และกรณีที่มีการโฆษณาหลายสื่อ ก็ถือเป็นความผิดหลายคดี ซึ่งค่าปรับก็จะคูณตามจำนวนสื่อและช่วงเวลา และกว่า 50% ของผู้แจ้งเบาะแสแก่ อย.คือคู่แข่งทางธุรกิจ

พร้อมกันนี้ ในเวทีเสวนาที่ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ ยังได้พูดถึง "ชุดกระชับสัดส่วนนาโน-อินฟราเรด” ที่มีการโฆษณาว่าใส่สารระดับนาโนเพื่อให้เนื้อผ้าสามารถปล่อยรังสีอินฟราเรดได้ เพื่อช่วยสลายไขมันและกระชับสัดส่วน ซึ่ง ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่จะผลิตสิงทอซึ่งให้รังสีอินฟราเรด แต่เท่าที่มีข้อมูลนั้นมีผู้ผลิตสิ่งทอที่ทำให้อุรหภูมิเพิ่มขึ้น 0.9 องศาเซลเซียส ซึ่งผู้บริโภคต้องพิจารณาเองว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นระดับนี้เพียงพอที่จะสลายไขมันได้หรือไม่

ดร.ชาญชัยกล่าวอีกว่า หากจะผลิตสิ่งทอที่ให้ผลในการสลายไขมัน ต้องทำให้เนื้อผ้าสามารถเพิ่มอุณหภูมิได้ในระดับห้องอบซาวน่า ซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อใส่อนุภาคนาโนลงไปในกระบวนการผลิตเส้นใย จะทำให้เส้นใยผ้ามีความแข็งแรงลดลง ขาดง่าย อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าไม่อยากโจมแนวคิดในการพัฒนาสินค้า ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครกล้าเสนอแนวคิดใหม่ๆ

“ไม่อยากมองด้านลบอย่างเดียว เพราะต่อต้านไปแล้วจะไม่มีใครกล้าออกแนวคิดใหม่ แต่ผู้ผลิตก็ต้องมีระบบรับรองว่าสินค้าได้มาตรฐานแค่ไหน อย่างไต้หวันก็จะมีห้องปฏิบัติการรับรอง ซึ่งจากที่มีข้อมูล เขาก็ให้ข้อมูลแค่ว่าชุดอินฟราเรดของช่วยเพิ่มอุณหภูมิแค่ 1 องศาเซลเซียส แล้วผู้บริโภคก็ต้องพิจารณาว่าจะช่วยได้หรือไม่ ซึ่งแฟร์ และสินค้าอยู่ได้ยาว" ดร.ชาญชัยกล่าว พร้อมเผยด้วยสินค้าหลายอย่างที่นำเข้าจากต่างประเทศ ถูกนำมาโฆษณาจนเกินจริง

ทางด้าน ผศ.ดร.รมณี และ ภญ.ยุวดี เสริมว่า วิธีที่จะกระชับสัดส่วนและลดไขมันที่ดีสุดคือการออกกำลังและควบคุมอาหาร โดย ภญ.ยุวดีได้ยกตัวอย่างรุ่นน้องในที่ทำงานซึ่งมีรูปร่างดีว่า เขาออกกำลังกายด้วยการซิท-อัพวันละ 200 ครั้ง จึงทำให้รักษารูปร่างที่ดีไว้ได้
(ซ้ายไปขวา) ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ, ผศ.ดร.รมรี สงวนดีกุล, รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และโฆษกกระทรวงฯ เป็นประธานเปิดเสวนา,ภญ.ยุวดี พัฒนวงศ์ และ นายจุมพล เหมะคีรินทร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย
บรรยากาศการเสวนา
กำลังโหลดความคิดเห็น