กองทุนพลังงานทางเลือก-สตรัคเจอรโน๊ต 2 บลจ.ฝ่ากระแสบอนด์โสม กวาดยอดไอพีโอ ตามเป้า "K-ALEN" เก็บเงินเข้าพอร์ต 200 กว่าล้านบาท พร้อมระบุแนวโน้มพลังงานทดแทนรุ่ง สิ้นปีอาจเห็นยิลด์ 10% ด้าน"ทิสโก้ โกลด์ ลิงค์ ฟันด์"ระดมเงินได้ 651 ล้านบาท คาดผลตอบแทน 8.75% หลังราคาทองตกฮวบในช่วงที่ผ่านมา
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายจัดการกองทุนผสมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิดเค อัลเทอร์เนทีฟ เอเนอร์จี้ เอควิตี้ (K-ALEN) ซึ่งเปิดขาย 6 – 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร และมียอดเงินลงทุนประมาณ 211.28 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมบัญชี ก่อนจัดตั้งเป็นกองทุนและนำเงินเข้าไปลงทุน
สำหรับสาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจกองทุนประเภทนี้ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจาก ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดี และเมื่อมองอนาคตของหุ้นในกลุ่มที่จะเข้าไปลงทุนแล้วน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นในปลายปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้การบริโภค และผลิตพลังานทดแทนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“เข้าใจว่านักลงทุนยังมีความกังวลอยู่ แต่หากมองศักยภาพของหุ้นประเภทนี้แล้ว น่าจะเป็นโอกาสที่จะลงทุน เพราะหุ้นพวกนี้จะมีเอาท์เพอร์ฟอร์มเยอะ เมื่อตลาดปรับตัวขึ้นแล้วมันจะขึ้นสูงกว่า ซึ่งถึงแม้จะมีผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่มาก และเหมาะที่จะลงทุนตอนนี้ก่อนที่มันจะปรับตัวขึ้นไม่งั้นจะเสียโอกาส”นายวินกล่าว
นายวิน กล่าวอีกว่า ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในกองทุนนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% ในปีนี้ เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว หากตลาดหุ้นที่เข้าไปลงทุนมีการปรับตัวเพิ่ง 5-6% ในปีนี้ หุ้นพวกนี้จะปรับตัวขึ้นมากกว่า
สำหรับกองทุนี้จะมีนโยบายการลงทุนในหุ้นพลังงานทดแทน 20 ตัวหลัก ในลักษณะ feeder fund ที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือกองทุน Lyxor Dynamic Alternative Energy Equity Fund ประมาณร้อยละ 95
โดยมีสัดส่วนการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงงานทดแทนจาก ลม แสงแดด และไบโอดีเซล 2 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวของกับเทดโนโลยีที่ใช้ในพลังงานทดแทน และ3 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ เพื่อเป็นการลดใช้พัลงงานไฟฟ้า
ด้าน นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาด ธุรกิจ กองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ ฟันด์ (TISCO Gold Link Fund) ระหว่างวันที่ 6-13 พฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดเงินลงทุนรวม 651 ล้านบาท
สำหรับกองทุนนี้เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 15 วัน
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ ฟันด์จะได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบอายุตราสารในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ในขณะที่ผลตอบแทนเพิ่มเติมที่กองทุนจะได้รับจากการลงทุน จะแบ่งเป็น 2 สมมติฐานคือ หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติม (% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย) แต่หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนน้อยกว่าราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้รับชำระคืนเงินต้นแทน
นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า สถาการณ์ราคาทองคำในช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะในการลงทุน เนื่องจากดีมาน และราคามีการปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก โดยนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำในอีก 1 ปีข้างหน้าน่าจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ได้ และหากลงทุนในช่วงนี้น่าจะมีส่วนต่างในการสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูง คือประมาณ 8.75%
“ราคาทองตอนนี้ลงมามาก และวิวของนักวิเคราะห์มองว่าอีก 1 ปีจะขึ้นถึง 1,000 เหรียญสหรัฐต่ออนซ์เลยทีเดียว ทำให้การลงทุนในช่วงนี้จะมีอัพไซด์เยอะ ซึ่งเมื่อครบอายุกองทุนนี้แล้วเป็นไปตามวิว ผลตอบแทนของกองทุนนี้ก็น่าจะสูงถึง 8.75% เลยทีเดียว”นางสาวธีรินทร์กล่าว
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายจัดการกองทุนผสมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิดเค อัลเทอร์เนทีฟ เอเนอร์จี้ เอควิตี้ (K-ALEN) ซึ่งเปิดขาย 6 – 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร และมียอดเงินลงทุนประมาณ 211.28 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมบัญชี ก่อนจัดตั้งเป็นกองทุนและนำเงินเข้าไปลงทุน
สำหรับสาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจกองทุนประเภทนี้ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจาก ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดี และเมื่อมองอนาคตของหุ้นในกลุ่มที่จะเข้าไปลงทุนแล้วน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นในปลายปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้การบริโภค และผลิตพลังานทดแทนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“เข้าใจว่านักลงทุนยังมีความกังวลอยู่ แต่หากมองศักยภาพของหุ้นประเภทนี้แล้ว น่าจะเป็นโอกาสที่จะลงทุน เพราะหุ้นพวกนี้จะมีเอาท์เพอร์ฟอร์มเยอะ เมื่อตลาดปรับตัวขึ้นแล้วมันจะขึ้นสูงกว่า ซึ่งถึงแม้จะมีผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่มาก และเหมาะที่จะลงทุนตอนนี้ก่อนที่มันจะปรับตัวขึ้นไม่งั้นจะเสียโอกาส”นายวินกล่าว
นายวิน กล่าวอีกว่า ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในกองทุนนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% ในปีนี้ เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว หากตลาดหุ้นที่เข้าไปลงทุนมีการปรับตัวเพิ่ง 5-6% ในปีนี้ หุ้นพวกนี้จะปรับตัวขึ้นมากกว่า
สำหรับกองทุนี้จะมีนโยบายการลงทุนในหุ้นพลังงานทดแทน 20 ตัวหลัก ในลักษณะ feeder fund ที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือกองทุน Lyxor Dynamic Alternative Energy Equity Fund ประมาณร้อยละ 95
โดยมีสัดส่วนการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงงานทดแทนจาก ลม แสงแดด และไบโอดีเซล 2 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวของกับเทดโนโลยีที่ใช้ในพลังงานทดแทน และ3 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ เพื่อเป็นการลดใช้พัลงงานไฟฟ้า
ด้าน นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาด ธุรกิจ กองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ ฟันด์ (TISCO Gold Link Fund) ระหว่างวันที่ 6-13 พฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดเงินลงทุนรวม 651 ล้านบาท
สำหรับกองทุนนี้เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 15 วัน
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ ฟันด์จะได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบอายุตราสารในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ในขณะที่ผลตอบแทนเพิ่มเติมที่กองทุนจะได้รับจากการลงทุน จะแบ่งเป็น 2 สมมติฐานคือ หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติม (% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย) แต่หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนน้อยกว่าราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้รับชำระคืนเงินต้นแทน
นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า สถาการณ์ราคาทองคำในช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะในการลงทุน เนื่องจากดีมาน และราคามีการปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก โดยนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำในอีก 1 ปีข้างหน้าน่าจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ได้ และหากลงทุนในช่วงนี้น่าจะมีส่วนต่างในการสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูง คือประมาณ 8.75%
“ราคาทองตอนนี้ลงมามาก และวิวของนักวิเคราะห์มองว่าอีก 1 ปีจะขึ้นถึง 1,000 เหรียญสหรัฐต่ออนซ์เลยทีเดียว ทำให้การลงทุนในช่วงนี้จะมีอัพไซด์เยอะ ซึ่งเมื่อครบอายุกองทุนนี้แล้วเป็นไปตามวิว ผลตอบแทนของกองทุนนี้ก็น่าจะสูงถึง 8.75% เลยทีเดียว”นางสาวธีรินทร์กล่าว
