บลจ.ไอเอ็นจีเตรียมออกกองทุนเอฟไอเอฟจับกระแสราคาสินค้าเกษตรพุ่งหลังดีมานต์เพิ่มจากการบริโภคจริงและนำไปเป็นวัตถุดิบผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ระบุกำลังเลือกระหว่างลงทุนผ่านหุ้นหรือสตัคเจอร์โน็ต คาดเสนอขายเดือนมิถุนายนนี้
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทกำลังมีความสนใจที่จะออกกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่มีนโยบายลงทุนเกี่ยวเนื่องกับสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมูดิตี้) โดยคาดว่าน่าจะสามารถออกขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ภายในเดือนมิถุนายน ปี 2551
อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทุนนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกลงทุนผ่านตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์หรือจะลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
สำหรับกองทุนดังกล่าวน่าจะได้รับผลดีจากการที่ปัจจุบันความต้องการสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการเพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซลและการบริโภคจริงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปริมาณผลิตผลของสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ทำให้ตอนนี้เกิดภาวะความต้องการ (Demand) ที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผลผลิต (Supper) ยังคงเท่าเดิม
"ตอนนี้ความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ขณะที่กำลังผลผลิตยังเท่าเดิม ซึ่งภาวะเช่นนี้จะส่งผลดีต่อผลตอบแทนในการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์" นายจุมพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีหลายบลจ.ที่ได้แสดงความสนใจออกกองทุนที่อ้างอิงกับสินค้าเกษตรเช่นเดียวกัน อาทิ เช่น กองทุนเปิดทิสโก้ อากริคัลเจอร์ ยูโรฟันด์ ของบลจ.ทิสโก้ ซึ่งมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนรวมเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือกองทุน DB Piatinum Agriculture Euro Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทสินค้าเกษตร ในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยการลงทุนในสกุลเงินยูโร และได้เปิดระดมทุนในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม- 9 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนให้การตอบรับเข้ามาดีพอสมควร และมียอดการซื้อหน่วยลงทุนประมาณ 360 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
ขณะที่บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เองก็ได้มีการออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินค้าเกษตรเช่นเดียวกัน คือ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิงค์ ” (ING Thai GAME Enhanced Linked Fund) หรือ GAME ซึ่งเป็นกองทุนตราสารแห่งหนี้ ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
โดยผลตอบแทนของตราสารดังกล่าวจะอ้างอิงกับผลตอบแทนถัวเฉลี่ยในอัตราส่วนที่เท่ากันระหว่างราคาทองคำ (Gold) ตามดัชนี London Gold Market Fixing Ltd PM Fix ในตลาดลอนดอน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตร (Agricultural commodities) ที่อิงกับดัชนี S&P GSCI Agriculture Excess Return และราคาหุ้นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งอิงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน JP Morgan Middle East Equity
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทกำลังมีความสนใจที่จะออกกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่มีนโยบายลงทุนเกี่ยวเนื่องกับสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมูดิตี้) โดยคาดว่าน่าจะสามารถออกขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ภายในเดือนมิถุนายน ปี 2551
อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทุนนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกลงทุนผ่านตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์หรือจะลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
สำหรับกองทุนดังกล่าวน่าจะได้รับผลดีจากการที่ปัจจุบันความต้องการสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการเพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซลและการบริโภคจริงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปริมาณผลิตผลของสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ทำให้ตอนนี้เกิดภาวะความต้องการ (Demand) ที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผลผลิต (Supper) ยังคงเท่าเดิม
"ตอนนี้ความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ขณะที่กำลังผลผลิตยังเท่าเดิม ซึ่งภาวะเช่นนี้จะส่งผลดีต่อผลตอบแทนในการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์" นายจุมพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีหลายบลจ.ที่ได้แสดงความสนใจออกกองทุนที่อ้างอิงกับสินค้าเกษตรเช่นเดียวกัน อาทิ เช่น กองทุนเปิดทิสโก้ อากริคัลเจอร์ ยูโรฟันด์ ของบลจ.ทิสโก้ ซึ่งมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนรวมเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือกองทุน DB Piatinum Agriculture Euro Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทสินค้าเกษตร ในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยการลงทุนในสกุลเงินยูโร และได้เปิดระดมทุนในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม- 9 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนให้การตอบรับเข้ามาดีพอสมควร และมียอดการซื้อหน่วยลงทุนประมาณ 360 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
ขณะที่บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เองก็ได้มีการออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินค้าเกษตรเช่นเดียวกัน คือ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิงค์ ” (ING Thai GAME Enhanced Linked Fund) หรือ GAME ซึ่งเป็นกองทุนตราสารแห่งหนี้ ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
โดยผลตอบแทนของตราสารดังกล่าวจะอ้างอิงกับผลตอบแทนถัวเฉลี่ยในอัตราส่วนที่เท่ากันระหว่างราคาทองคำ (Gold) ตามดัชนี London Gold Market Fixing Ltd PM Fix ในตลาดลอนดอน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตร (Agricultural commodities) ที่อิงกับดัชนี S&P GSCI Agriculture Excess Return และราคาหุ้นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งอิงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน JP Morgan Middle East Equity
