ไอเอ็นจีไทยเกมเอ็นฮานส์ลิงค์ กองบอนด์อิงยิลด์ทอง-พืช-หุ้นตะวันออกกลาง

ตอนนี้ถ้าจะให้มองไปที่การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในประเทศไทย หรือการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศแล้ว นักลงทุนหลายคนคงจะขยาดและเบือนหน้าหนี แน่นอนว่าปัญหาหลักก็หนีไม่พ้นความผันผวนที่เกิดขึ้น จากความวิตกเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ และผลกระทบที่ไม่สิ้นสุดของปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) แต่จะให้โยกเงินลงทุนไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั้งหมด ก็คงจะไม่สามารถทำได้ เพราะผลตอบแทนที่ได้รับมันมีระยะห่างกันมากจนเกินไป ทำให้หลายคนอยู่ในภาวะ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก"

คอลัมน์ "MutualFund IPO" จึงอยากขอเสนออีกทางเลือกการลงทุนใหม่ ที่มีแนวทางดีๆ ในการจัดการ นั้นก็คือ "กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิงค์" (ING Thai GAME Enhanced Linked Fund) หรือ GAME กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) กองล่าสุดที่บริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับกองทุนไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิงค์ เป็นกองทุนประเภทกองทุนตราสารแห่งหนี้ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนเป็นกองทุนที่มีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการ 3 ปี โดยกองทุนนี้มีความน่าสนใจเนื่องมาจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดยผลตอบแทนของกองทุนจะถัวเฉลี่ยในอัตราส่วนที่เท่ากันระหว่าง 3 ส่วนการลงทุน ประกอบไปด้วย 1.ราคาทองคำ โดยจะอิงตามดัชนี London Gold Market Fixing Ltd PM Fix ในตลาดลอนดอน , 2.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรที่อิงกับดัชนี S&P GSCI Agriculture Excess Return และ3.ราคาหุ้นในกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งอิงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน JP Morgan Middle East Equity

จุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกองทุน ไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิงค์ว่า กองทุนนี้จะลงทุนใน 3 ปัจจัยที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่ดี โดยปัจจุบันราคาทองคำ มีความเกี่ยวเนื่องอย่างสูงกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกา และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนด้วยการถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อรักษามูลค่าความมั่งคั่งของตัวเองไว้
 
ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรก็มีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรจะสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกและจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งความต้องการสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวสาลี ข้าวโพดและถั่วเหลือง เพื่อนำไปใช้ผลิตพลังงานทดแทนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

ส่วนราคาหุ้นในแถบตะวันออกกลาง (Middle East Equity) นั้น ในช่วงที่ผ่านมากำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งผูกพันกับราคาน้ำมัน รวมถึงการเริ่มเปิดเสรีทางนโยบายการเงินในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล และคาดการณ์ผลตอบแทนการลงทุนของภูมิภาคนี้ที่ยังคงน่าดึงดูด ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานของกองทุน JP Morgan Middle Equity ที่นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2548 จนถึงขณะนี้ผลตอบแทนโดยรวมอยู่ที่ 98.6%

จุมพล เปิดเผยต่อว่า หลังจากที่บริษัทได้มีการทำผลตอบแทนจากการทำข้อมูลย้อนหลังจากการลงทุนพบว่าย้อนหลังจากการลงทุน 5 ปี กรณีที่กองทุนจัดตั้งขึ้นในทุกวันทำการและเริ่มจากวันที่ 1 มกราคม 2545 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 (วันสุดท้ายที่ทำการลงทุนได้ และครบ 3 ปีในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548) สามารถให้ผลตอบแทนมากที่สุดอยู่ที่ 6.80% ต่อปี และสามารถให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.59% ต่อปี และสามารถให้ผลตอบแทนน้อยที่สุดอยู่ที่ 2.68% ต่อปี

“บลจ.ไอเอ็นจีเชื่อว่า กองทุน GAME จะเพิ่มช่องทางในการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และยังสามารถสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่เหมาะสมอีกด้วย เนื่องจากสินทรัพย์ที่ไปเข้าลงทุนล้วนมีแนวโน้มที่สดใส อย่างกรณีของทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ทรงคุณค่า เพราะไม่สามารถผลิตเพิ่มเติมได้ และสามารถเก็บไว้เป็นทุนสำรองที่ยามฉุกเฉิน สะท้อนให้เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกต่างมีทองคำเป็นทุนสำรอง”

สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกม เอ็นฮานส์ ลิ้งค์” หรือ GAME จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 24-31 มีนาคม 2551 ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. (02) 688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th หรือที่ธนาคารซิตี้แบงก์ โทร.1588 สำหรับลูกค้าทั่วไป และ 02-232-2400 สำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์