xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.บีทีจ่อขายFIFบอนด์ออสซี่ เม.ย.เตรียมออกกองทุนหุ้นSET50

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.บีทีเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/1 เน้นลงทุนในตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย มูลค่า 1,500 ล้านบาท หลังประเมินเศรษฐกิจออสเตรเลียยังขยายตัวได้ดี คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 5.75 – 6.00% เปิดไอพีโอ 14 – 21 มีนาคมนี้ พร้อมจ่อคลอดกองหุ้น เน้นลงทุนหุ้นในประเทศ มูลค่า 600 – 700 ล้านบาท คาดเปิดขายก่อนเมษายนนี้

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/1 (BT FIF Fixed Income 12/1 Fund) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการ 12 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย และผู้ออกตราสารหนี้มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ตั้งแต่ AA ขึ้นไป อายุ 1 ปี คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 5.75 – 6.00% โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 14 - 21 มีนาคม 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

สำหรับ กองทุน BT FIF Fixed Income 12/1 Fund มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี่ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยุ่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป้นทรัพยืสินของกองทุนรวม มีมูลรวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก เงินฝาก ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน

นอกจากนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เท่านั้น ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายแฝงล่วงหน้า (Structured Note)

ทั้งนี้ กองทุนนี้ได้รับความสนใจและสอบถามจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหากมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกของทางรัฐบาล รวมทั้งรอบ 2 ที่จะมีตามออกมาไม่ได้ผลเท่าที่ควร รัฐบาลอาจมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม และป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองหาการลงทุนในระยะยาว ระยะ 6 เดือน 12 เดือนมากขึ้น เพื่อล็อคผลตอบแทนในระยาว หลังจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์และสถาบันการเงินหลายแห่งมีความเห็นพ้องกันว่าในระยะเวลา 6 เดือน – 1ปี ภาวะเศรษฐกิจออสเตรเลียจากปัจจัยพื้นฐานยังสามารถขยายตัวได้ดี โดยรายได้ประมาณ 30% มาจากแร่ธาตุ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ ซึ่งการที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย และมีแรงกดดันสูง ทำให้ออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ แต่ภาวะเศรษฐกิจออสเตรเลียโดยรวมปีนี้ยังคงมีแนวโน้มเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนรวมหุ้น ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นภายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยจะลงทุนหุ้นในดัชนี SET 50 ประมาณ 60% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการจ่ายเงินปันผลสูงประมาณ 4 -5% เนื่องจากหุ้นไทยในปีนี้ยังค่อนข้างถูก มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี พีอีเรโชต่ำ และมีกำไรต่อหน่วยที่สูง ทั้งนี้ จะเน้นใช้กลยุทธ์การจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) มาช่วยด้วย โดยจะมีมูลค่าโครงการ 600 – 700 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกก่อนเดือนเมษายน 2551

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีความสนใจลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินของยุโรป (Euro commercial Paper : ECP) เนื่องจากมีช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้ไม่เหมาะสมในการออกกองทุนในช่วงนี้ ส่วนการลงทุนในเครดิตลิงค์โน้ต (Credit Linked Note) ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เนื่องจากให้ผลตอบแทนไม่น่าพอใจเท่าที่ควร

ปัจจุบัน บลจ.บีที ได้มีการออกกองทุนรวมเอฟไอเอฟมาแล้ว 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 3/1,
กองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 1, กองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 2 และกองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 3 โดยเน้นลงทุนใน Structure note ที่เป็นสกุลเงินออสเตรเลีย และจ่ายผลตอบแทนอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ
กำลังโหลดความคิดเห็น