xs
xsm
sm
md
lg

AYFห่วงเงื่อนไขเบรกอกกองCLN ส่วนเครดิตลิงก์โน๊ตกองแรกขายได้1.4พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.อยุธยาเมินเครดิตลิงก์โน็ต ส่งกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ชูผลตอบแทน 3.25% ล่อใจนักลงทุน เหตุความเสี่ยงต่ำและเหมาะกับสถานกาณ์ปัจจุบันมากกว่า ด้านแอสเซทพลัส ปลื้มยอด"CLN"ตัวแรก พรีเมี่ยม 6M2 ระดมทุนได้กว่า 1.4 พันล้านบาท หลังนักลงทุนหนี ECP หายิลด์มากกว่า พร้อมเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้อิงอนุพันธุ์จับลูกค้าชอบหุ้นแต่ต้องการความเสี่ยงต่ำ

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้พลัส 12M1 (AYF12MPLS1) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนในระหว่างวันที่ 3-10 มีนาคม 2551 โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ (Korea Treasury Bond) รุ่น Korea Monetary Stabilizing Bond “F1” ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ “F1” จากการจัดอันดับของ Fitch Ratings และเป็นตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ในกองทุนนี้จะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในประเทศที่มีระยะเวลาใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ การลงทุนสำหรับบุคคลธรรมดาผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนนี้ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ จากการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติน่าจะไม่น้อยกว่า 3.25% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.50%) ทำให้กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนในระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ต้องการเน้นคุณภาพของตราสารที่ลงทุนและต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนของผลตอบแทน

ด้านนายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด กล่าวว่า ทางทีมงานของบลจ. อยุธยา ได้พยายามคัดเลือกกองทุนประเภทต่างๆ ทั้งกองทุนที่ลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เช่น ECP หรือ CLN (Credit Linked Note) ปรากฏว่า ผลตอบแทนกองทุนที่ลงทุนโดยตรงในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีอายุประมาณ 1 ปี หลังจากปิดความเสี่ยงด้านค่าเงินบาทแล้ว เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ในระดับความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ โดยหากพิจารณาความเสี่ยงทางด้านเครดิตจากการจัดอันดับของ S&P พบว่าของประเทศเกาหลีในอันดับ "A" จะมีความน่าเชื่อถือดีกว่าประเทศไทยในอันดับ “BBB+”

“จากสภาพตลาดในปัจจุบัน กองทุนที่น่าสนใจควรมีอายุประมาณ 1 ปี เนื่องจากว่าดอกเบี้ยมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง ฉะนั้นการลงทุนที่ลงทุนสั้นๆ เมื่อครบกำหนดและจะลงทุนครั้งต่อไปมีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนที่ลดต่ำลง สำหรับการ เลือกที่จะลงทุนโดยตรงในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี เพราะได้พิจารณาแล้วว่ารัฐบาลเกาหลีมีอันดับความน่าเชื่อถือ “F1” ซึ่งดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ “F2” และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในประเทศ ณ เวลานี้"นายอาสากล่าว

นายอาสา กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนที่จะลงทุนใน CLN นั้นทั้งบริษัทยังอยู่ในระหว่างพิจารณาอยู่ เนื่องจากยังมีความกังวลในเงื่อนไขของสัญญาซึ่งจะต้องต่อรองกับผู้ออกตราสารเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ไม่มีข้อเสียเปรียบที่ทำให้ไม่สามารถ รักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก่อน โดยเมื่อเจรจาได้แล้วคาดว่าอาจเป็นทางเลือกการลงทุนหนึ่งได้ในอนาคต แต่กองทุนที่ออกในครั้งนี้น่าจะเหมาะมากว่า เพราะเป็นการลงทุนโดยตรงที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าสัญญา CLN

นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M2 (ASP-P6M2) ซึ่งได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถระดมทุนได้ประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยผู้ลงทุที่เคยลงุทนในกองทุนตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรป (Euro commercial Paper : ECP) ให้การตอบรับตราสารประเภทเครดิตลิงค์โน้ต (Credit Link Note) เป็นอย่างดี เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นว่าบริษัทได้คัดเลือกตราสารคุณภาพ เพื่อทดแทนการลงทุนใน ECP ที่ไม่สามารถให้ผลตอบแทนได้สูงดังที่ผ่านมาได้ ประกอบกับผู้ลงทุนเองมีความเข้าใจลักษณะของตราสารว่าสามารถเอื้อประโยชน์ในสภาวะการลงทุนช่วงนี้ด้วย

"หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลงจาก 4.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.00% ส่งผลให้ผลตอบแทนตราสารประเภท ECP ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเท่ากับช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนในตราสารหนี้ที่ผู้ลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนในพันธบัตรมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการเงินทั่วโลก"นางลดาวรรณกล่าว

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M2 นั้นจะนำเงินไปลงทุนใน CLN ที่อ้างอิงผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ และพันธบัตรรัฐบาลไทยในต่างประเทศ โดยกองทุนจะลงทุนใน CLN ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ใน 3 อันดับแรกจาก Standard & Poor's Ratings Services (S&P) เช่น ธนาคาร Swedish Export Credit Corporation (SEK) ซึ่งเป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อกับผู้ส่งออกเพียงรายเดียวในประเทศสวีเดน และถือหุ้นโดยรัฐบาลทั้งหมด ธนาคาร Eksportfinans ASA ผู้ให้สินเชื่อให้กับผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศนอร์เวย์ ให้บริการทางด้านการเงินให้กับผู้ส่งออกภาคเอกชน เช่น บริษัท โนเกีย และรัฐบาล เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าผู้ออกตราสาร CLN ที่กองทุนเลือกลงทุนเป็นสถาบันการเงินที่มีความมั่นคง และมีโอกาสจะผิดนัดชำระหนี้น้อยมาก ประกอบกับกองทุนได้ทำสัญญาสวอปและ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน (Fully Hedging) ทำให้กองทุนไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน

อนึ่ง ได้มีรายงานจาก บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่ะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งใช้อนุพันธ์มาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มผลตอบแทนตามการปรับขึ้นของดัชนี SET50 (Index Enhanced) ออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนหลังจากนี้ เนื่องจากเชื่อว่าการลงทุนในลักษณะนี้จะทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการปรับตัวของดัชนี SET50 ที่อยู่ในขาขึ้น

อย่างไรก็ตาม กองทุนยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป และกองทุนนี้น่าจะเหมาะสมกับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้น แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดหุ้นอยู่ เนื่องจากมีการคุ้มครองเงินต้นจากการลงทุนด้วย

ด้าน นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทมีแผนเตรียมที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในเกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์อยู่ โดยขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจัดตั้งของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และคาดว่าจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าของการออกกองทุนที่ลงทุนในเครดิตลิงก์โน้ตนั้น บริษัทยังคงมีความสนใจในการออกองทุนประเภทดังกล่าว แต่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการให้ความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งนำเสนอข้อมูลให้แก่ลูกค้าก่อน หากบริษัทมีความพร้อมก็จะเข้าไปลงทุนทันที โดยขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจาก ก.ล.ต. โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาทเช่นเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น