บลจ.วรรณปลื้มกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 2 กองแรก หลังปิดไอพีโอรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท ระบุนักลงทุนสถาบันรุมตอมซื้อ "วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์" ล้นหลาม เหตุมีการจ่ายปันผล เมินลงทุนในเครดิตลิงค์โน้ต พร้อมชู 2 กองทุนล่าสุดยืดหยุ่นกว่า
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดตัวกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) ซึ่งไม่กำหนดอายุโครงการ และมีมูลค่าโครงการละ 1,700 ล้านบาท โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) พร้อมกันระหว่างวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2551 นั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยทั้ง 2 กองทุนสามารถระดมทุนรวมกันได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะกองทุน 1NEWCAP-D เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนด้วย นับว่าเป็นการตอบรับที่ค่อนข้างดีสำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศกองแรกๆ ของบริษัท และเป็นกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนได้
อย่างไรก็ตาม จากการที่การลงทุนในประเภทอื่นมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ การที่มีทางเลือกที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก นับว่าเป็นการเอื้อต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเป็นกองทุนที่สามารถได้รับประโยชน์จากการลงทุนในต่างประเทศ สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
สำหรับกองทุนเปิด 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) ที่จะพิจารณาลงทุนจะมีทรัพย์สินที่ลงทุนเป็นประเภทและชนิดเดียวกับทรัพย์สินที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดให้กองทุนอาจลงทุนหรือมีไว้ได้ ทั้งนี้ หากกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงการลงทุนในต่างประเทศ (Master Fund) และขอสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุนนี้
ส่วนกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund มีนโยบายกระจายลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลก โดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับตั้งแต่ A ขึ้นไป จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard & Poor (S&P) หรือสถาบันจัดอันดับอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายแฝงล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management)
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความผันผวนของสกุลเงินที่กองทุนไปลงทุน โดยจะทำสถานะของการป้องกันความเสี่ยงจะไม่เกิน 105% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขณะเดียวกัน ยังได้ EFG Private Bank Limited สาขาลอนดอน เป็นผู้บริหารกองทุนด้วย
นอกจากนี้ กองทุนเปิด 1NEWCAP ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ขณะที่กองทุนเปิด 1NEWCAP-D มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกิน 100% ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่กรณีและการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น
โดยในปีที่ผ่านมากองทุน New Capital Global Fixed Income Fund สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 7.47% ส่วนในปีนี้คาดว่าคงไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับเดิม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมา โดยคาดว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4.5-5%
นายสมจินต์ กล่าวถึงการที่อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ประเภท ECP (Euro commercial Paper) อยู่ในระดับที่ต่ำ จนทำให้หลาย บลจ.หันมาลงทุนในในเครดิตลิงค์โน้ต (Credit Linked Note) ว่า บริษัทมีการศึกษาการลงทุนในเครดิตลิงค์โน้ตบ้าง แต่มองว่าเครดิตลิงค์โน้ตข้อจำกัดในเรื่องของการกำหนดระยะเวลาของการลงทุน ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในกองทุน 1NEWCAP และกองทุน 1NEWCAP-D ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า และยังเหมาะกับนักลงทุนทั่วไป โดยสามารถเข้ามาซื้อขายหน่วยลงทุนได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดตัวกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) ซึ่งไม่กำหนดอายุโครงการ และมีมูลค่าโครงการละ 1,700 ล้านบาท โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) พร้อมกันระหว่างวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2551 นั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยทั้ง 2 กองทุนสามารถระดมทุนรวมกันได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะกองทุน 1NEWCAP-D เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนด้วย นับว่าเป็นการตอบรับที่ค่อนข้างดีสำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศกองแรกๆ ของบริษัท และเป็นกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนได้
อย่างไรก็ตาม จากการที่การลงทุนในประเภทอื่นมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ การที่มีทางเลือกที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก นับว่าเป็นการเอื้อต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเป็นกองทุนที่สามารถได้รับประโยชน์จากการลงทุนในต่างประเทศ สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
สำหรับกองทุนเปิด 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) ที่จะพิจารณาลงทุนจะมีทรัพย์สินที่ลงทุนเป็นประเภทและชนิดเดียวกับทรัพย์สินที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดให้กองทุนอาจลงทุนหรือมีไว้ได้ ทั้งนี้ หากกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงการลงทุนในต่างประเทศ (Master Fund) และขอสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุนนี้
ส่วนกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund มีนโยบายกระจายลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลก โดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับตั้งแต่ A ขึ้นไป จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard & Poor (S&P) หรือสถาบันจัดอันดับอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายแฝงล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management)
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความผันผวนของสกุลเงินที่กองทุนไปลงทุน โดยจะทำสถานะของการป้องกันความเสี่ยงจะไม่เกิน 105% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขณะเดียวกัน ยังได้ EFG Private Bank Limited สาขาลอนดอน เป็นผู้บริหารกองทุนด้วย
นอกจากนี้ กองทุนเปิด 1NEWCAP ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ขณะที่กองทุนเปิด 1NEWCAP-D มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกิน 100% ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่กรณีและการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น
โดยในปีที่ผ่านมากองทุน New Capital Global Fixed Income Fund สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 7.47% ส่วนในปีนี้คาดว่าคงไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับเดิม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมา โดยคาดว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4.5-5%
นายสมจินต์ กล่าวถึงการที่อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ประเภท ECP (Euro commercial Paper) อยู่ในระดับที่ต่ำ จนทำให้หลาย บลจ.หันมาลงทุนในในเครดิตลิงค์โน้ต (Credit Linked Note) ว่า บริษัทมีการศึกษาการลงทุนในเครดิตลิงค์โน้ตบ้าง แต่มองว่าเครดิตลิงค์โน้ตข้อจำกัดในเรื่องของการกำหนดระยะเวลาของการลงทุน ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในกองทุน 1NEWCAP และกองทุน 1NEWCAP-D ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า และยังเหมาะกับนักลงทุนทั่วไป โดยสามารถเข้ามาซื้อขายหน่วยลงทุนได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
