บลจ.วรรณเปิดขายกองทุน FIF ตราสารหนี้ รวดเดียว 2 กองทุน มีทั้งแบบจ่ายปันผลและไม่จ่ายปันผลให้นักลงทุนได้เลือก มูลค่าโครงการละ 1,700 ล้านบาท "สมจินต์"ไม่หวั่นเฟดลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ระบุได้คาดการณ์และป้องกันผลกระทบไว้แล้ว คาดผลตอบแทน 4.5-5% เตรียมเปิดขายไอพีโอ 4-14 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมจ่อคลอดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับตั้งแต่ A ขึ้นไป และมีการทำ Active Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย มูลค่าโครงการละ 1,700 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2551 เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท และหลังจากนั้น จะเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการแรกของสัปดาห์
ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศจะเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี และโอกาสในการลงทุนยังมีอีกมาก และเปิดโอกาสให้ลงทุนได้ทั่วโลก ขณะเดียวกัน ยังได้ EFG Bank, Singapore Branch (Merchant Bank) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ลงทุนเฉพาะกลุ่ม (Private Banking) มาบริหารด้วย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอัตรา 0.50% นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนกองทุน เนื่องจากบริษัทมีการคาดการณ์ไว้ และป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
สำหรับกองทุนเปิด 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) ที่จะพิจารณาลงทุนจะมีทรัพย์สินที่ลงทุนเป็นประเภทและชนิดเดียวกับทรัพย์สินที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดให้กองทุนอาจลงทุนหรือมีไว้ได้ ทั้งนี้ หากกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงการลงทุนในต่างประเทศ (Master Fund) และขอสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุนนี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิด 1NEWCAP ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ขณะที่กองทุนเปิด 1NEWCAP-D มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกิน 100% ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่กรณีและการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น
โดยในปีที่ผ่านมากองทุน New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) สามารถให้ผลตอบแทนในปี 2550 ประมาณ 7.47% ส่วนในปีนี้คาดว่าคงไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับเดิม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมา โดยคาดว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4.5-5%
นายสมจินต์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) จำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในบ้านเดี่ยวจำนวน 60 หลังในโครงการของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF คาดว่าจะทำการเสนอขายครั้งแรกได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้
ก่อนหน้านี้ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์เปิดเผยว่า จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป มูลค่า 520 ล้านบาท โดยจะรับประกันผลตอบแทน 7.5% ต่อปีนาน 5 ปี และมีนักลงทุนสถาบันมากกว่า 70% ให้ความสนใจในการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์นี้ โดยมีทั้งที่เป็นกองทุนและบริษัทประกัน ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะเสนอขายนี้มีสินทรัพย์หลักเป็นอสังหาริมทรัพย์ในโครงการเพอร์เฟค เพลส สุวรรณภูมิ-รามคำแหง และเอกมัย-รามคำแหง มูลค่าประมาณ 500 ล้าน
ปัจจุบัน บลจ.วรรณมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการจำนวน 2 กองทุน คือ 1. กองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) โดยเน้นลงทุนในห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมในอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ และห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมใน อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ทั้งนี้ จากการรายงานของ LIPPER ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2550 กองทุนมีสินทรัพย์ 1,170.32 ล้านบาท โดยสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 5.72% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 2.67% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 4.04% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 6.53%
ส่วนกองทุนที่ 2 คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในอาคารสำนักงานมาลีนนท์ ทาวเวอร์และอาคาร Production House ถนนพระราม 4 ซึ่งจากการรายงานของ LIPPER ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2550 กองทุนมีสินทรัพย์ 2,298.28 ล้านบาท โดยสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 6.02% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 1.30% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 3.52% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 7.32%
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับตั้งแต่ A ขึ้นไป และมีการทำ Active Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย มูลค่าโครงการละ 1,700 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2551 เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท และหลังจากนั้น จะเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการแรกของสัปดาห์
ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศจะเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี และโอกาสในการลงทุนยังมีอีกมาก และเปิดโอกาสให้ลงทุนได้ทั่วโลก ขณะเดียวกัน ยังได้ EFG Bank, Singapore Branch (Merchant Bank) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ลงทุนเฉพาะกลุ่ม (Private Banking) มาบริหารด้วย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอัตรา 0.50% นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนกองทุน เนื่องจากบริษัทมีการคาดการณ์ไว้ และป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
สำหรับกองทุนเปิด 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) ที่จะพิจารณาลงทุนจะมีทรัพย์สินที่ลงทุนเป็นประเภทและชนิดเดียวกับทรัพย์สินที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดให้กองทุนอาจลงทุนหรือมีไว้ได้ ทั้งนี้ หากกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงการลงทุนในต่างประเทศ (Master Fund) และขอสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุนนี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิด 1NEWCAP ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ขณะที่กองทุนเปิด 1NEWCAP-D มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกิน 100% ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่กรณีและการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น
โดยในปีที่ผ่านมากองทุน New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) สามารถให้ผลตอบแทนในปี 2550 ประมาณ 7.47% ส่วนในปีนี้คาดว่าคงไม่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับเดิม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมา โดยคาดว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 4.5-5%
นายสมจินต์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) จำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในบ้านเดี่ยวจำนวน 60 หลังในโครงการของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF คาดว่าจะทำการเสนอขายครั้งแรกได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้
ก่อนหน้านี้ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์เปิดเผยว่า จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป มูลค่า 520 ล้านบาท โดยจะรับประกันผลตอบแทน 7.5% ต่อปีนาน 5 ปี และมีนักลงทุนสถาบันมากกว่า 70% ให้ความสนใจในการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์นี้ โดยมีทั้งที่เป็นกองทุนและบริษัทประกัน ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะเสนอขายนี้มีสินทรัพย์หลักเป็นอสังหาริมทรัพย์ในโครงการเพอร์เฟค เพลส สุวรรณภูมิ-รามคำแหง และเอกมัย-รามคำแหง มูลค่าประมาณ 500 ล้าน
ปัจจุบัน บลจ.วรรณมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการจำนวน 2 กองทุน คือ 1. กองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) โดยเน้นลงทุนในห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมในอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ และห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมใน อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ทั้งนี้ จากการรายงานของ LIPPER ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2550 กองทุนมีสินทรัพย์ 1,170.32 ล้านบาท โดยสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 5.72% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 2.67% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 4.04% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 6.53%
ส่วนกองทุนที่ 2 คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในอาคารสำนักงานมาลีนนท์ ทาวเวอร์และอาคาร Production House ถนนพระราม 4 ซึ่งจากการรายงานของ LIPPER ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2550 กองทุนมีสินทรัพย์ 2,298.28 ล้านบาท โดยสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 6.02% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 1.30% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 3.52% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 7.32%