xs
xsm
sm
md
lg

รวงข้าวคืนกำไร 3 แชมป์กองทุนตราสารหนี้ปีหมู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปี 2550 ที่ผ่านมา นับว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ยังคงเป็นการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เห็นได้จากมูลค่ากองทุนรวมประเภทดังกล่าวที่ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลที่ปีที่แล้วกองทุนตราสารหนี้ยังคงเป็นกองทุนอันดับต้นๆในใจนักลงทุน เกิดมาจากการสภาวะการลงทุนแบบอื่นๆที่ค่อนข้างจะผันผวน โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ดัชนีสวิงจนนักลงทุนบางท่านทนรับความเสี่ยงไม่ไหว ต้องหลีกย้ายเงินลงทุนเข้ามาในกองทุนประเภทกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแทน

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าแม้การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะเป็นการลงทุนที่ไม่ทำให้หัวใจของนักลงทุน ต้องเต้นผิดจังหวะด้วยความลุ้นระทึกมากนัก แต่ก็ต้องแลกมากับผลตอบแทนที่ไม่จุใจเท่ากับการลงทุนประเภทอื่นเช่นเดียวกัน วันนี้ "Best of fund" จึงจะพาไปตรวจสอบ 10 อันดับผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ซึ่งรายงานโดย LIPPER ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แต่ยังคงคาดหวังผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ

ทั้งนี้ จากรายงานของ LIPPER ระบุว่า กองทุนรวมตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีสูงสุดคือ กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 3 ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนมีขนาด 6,247.48 ล้านบาท โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 8.19% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.08% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.53% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 16.68%

อันดับ 2 ได้แก่ กองทุนเปิดทรัพย์บริบูรณ์ตราสารหนี้ 4 กองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) มีขนาดกองทุน 636.34 ล้านบาท โดยกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 7.61% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.18% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.12%

อันดับ 3 กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 8 อีกหนึ่งกองทุนในสังกัดของบลจ.กสิกรไทย ที่มีขนาดกองทุน 2,119.75 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 7.48% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 1.02% ,ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 2.16% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 11.58%

ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 คือ กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 5 ดูแลบริหารจัดการโดยบลจ.กสิกรไทย ที่มีขนาดกองทุน 5,109.96 ล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 7.13% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.54% ,ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.48% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 14.42%

อันดับที่ 5 ของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้แก่กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ อีกหนึ่งกองทุนที่ติด 10 อันดับกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีขนาดกองทุน 5,138.80 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 6.95% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน -0.20% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 0.22%

อันดับ 6 ได้แก่ กองทุนเปิดธนภัทรตราสารหนี้คืนกำไร 1/52 ภายใต้การจัดการของ บลจ.ทหารไทย มีขนาดกองทุน 1,124.97 ล้านบาท โดยกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 6.88% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.88% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.88%

อันดับต่อมาของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในอันดับที่ 7 คือ กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 9 ของบลจ.กสิกรไทย มีขนาดกองทุน 3,864.45 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 3.86% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.42% ,ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.25% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 13.21%

อันดับ 8 กองทุนเปิดแอสเซท พลัส ตราสารหนี้ปันผล ในการจัดการของบลจ.แอสเซทพลัส มีขนาดกองทุน 310.61 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 6.75% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.53% ,ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.40% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 19.57%

อับดับ 9 กองทุนเปิดแอสเซท พลัส ตราสารหนี้ปันผล 2 อีกหนึ่งกองทุนภายใต้การจัดการของบลจ.แอสเซทพลัส มีขนาดกองทุน 1,237.84 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 6.27% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.48% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.40%

สุดท้ายอันดับที่ 10 กองทุนธนชาติฟิกซ์อินคัม 3 ของ บลจ.ธนชาต ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนมีขนาด 283.43 ล้านบาท โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 6.24% , ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.73% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 1.69%

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนอันดับหนึ่ง
หลังจากที่เปิดผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีแล้ว จะเห็นได้ว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบลจ.กสิกรไทย ติด 10 อันดับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีสูงสุดถึง 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 3 , กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 5 , กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 8 , กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 9 และกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ

สำหรับกองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 3 ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอันดับหนึ่งนั้น เป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเป็นช่วงเวลา อายุโครงการ 7 ปี 1 เดือน จำนวนเงินทุนของโครงการ 10,000 ล้านบาท

โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนระยะยาวในตราสารแห่งหนี้หรือตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกัน โดยบริษัทเอกชน สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ รัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกองทุนจะถือครองหลักทรัพย์ดังกล่าวจนครบอายุ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดการอาจพิจารณาขายหลักทรัพย์ดังกล่าวก่อนครบอายุตราสาร และอาจนำไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นที่มีอายุครบก่อนสิ้นสุดอายุโครงการได้ ในกรณีที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นว่าเป็นการรักษาระดับความเสี่ยงของกองทุนหรือเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน และกองทุนไม่มีนโยบายเงินเงินปันผล

ขณะที่ ณ วันที่ 25 มกราคม 2551 กองทุนได้แบ่งลงทุนในหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน คิดเป็นสัดส่วน 91.06% , ลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงินของ หรือรับรอง รับอาวัลโดยสถาบันการเงิน และอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วน 8.04% , ลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังค้ำประกัน คิดเป็นสัดส่วน 0.71% และลงทุนในหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันประเภทบริการทางการเงิน คิดเป็นสัดส่วน 0.16%
กำลังโหลดความคิดเห็น