xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบียิ้มรับ"ทริปเปิ้ลเอท1"ขายดีเป็นปลื้ม!คนไทยเข้าใจCarry Tradeมากขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ยูโอบีปลื้มกองทุนรวม "ยูโอบี ซีเล็ค ทริปเปิ้ล เอท 1" ประเดิมศักราชได้สวย หลังปิดไอพีโอระดมทุนได้กว่า 800 ล้านบาท ระบุนักลงทุนไทยเข้าใจกลยุทธ์ Carry Trade มากขึ้น ขณะที่กองทุน ECP โดนพิษเฟดขยับดอกเบี้ยลง 0.75% เล็งปรับกลยุทธ์หันลงทุนตราสารหนี้ในประเทศแทน แนะนักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล ตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งทยอยเข้าลงทุนในกองทุน LTF

นายวนา พูนผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดตัวกองทุนรวมยูโอบี ซีเล็ค ทริปเปิ้ล เอท 1 (UOB Select Triple Eight 1 Fund) ซึ่งมีอายุโครงการ 3 ปี และมีมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โดยจะเปิดเสนอหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 21-28 มกราคม 2551 นั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้ประมาณ 811 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการระดมทุนกองทุนดังกล่าวค่อนข้างน่าพอใจ และนับว่าเป็นการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยคาดว่ามาจากการที่นักลงทุนเริ่มมีความเข้าใจในการลงทุนที่ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Carry Trade มากขึ้น แต่การที่สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันค่อนข้างผันผวน ทำให้ขายกองทุนรวมลำบากมากขึ้น

สำหรับกองทุนรวมยูโอบี ซีเล็ค ทริปเปิ้ล เอท 1 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured notes) ที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี IncomeAsia 2.0 โดยใช้กลยุทธ์ Carry Trade กับอัตราแลกเปลี่ยนใน 8 ประเทศทั่วเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนี้เงินสกุลเอเชียมีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีน้อย จึงทำให้ดัชนีสามารถได้กำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย โดยไม่มีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากนัก ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ เพราะมีลักษณะการลงทุนคล้ายกับการคุ้มครองเงินต้น โดยจะต้องถือยาว 3 ปี และคาดหวังผลตอบแทน 24% ต่อระยะเวลา 3 ปี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดัชนี IncomeAsia 2.0 มีผลตอบแทนที่เป็นบวกทุกปี โดยเฉลี่ยปีละ 12.51% เพราะอัตราแลกเปลี่ยนปรับไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าปรับตัวสวนทางกันอาจทำให้ขาดทุนได้ และยังมีจุดเด่นอยู่ที่การได้รับเงินต้นคืน 100% จากการลงทุนภายในระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากกองทุนได้ซื้อตราสารหนี้ที่ของธนาคารพาณิชย์ที่ความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ AA ขึ้นไป และได้รับผลตอบแทน 8% ต่อปี

โดยมีเงื่อนไขว่า ในปีที่ 1 หากดัชนี IncomeAsia 2.0 สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า 5% นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ 8 % ในปีที่ 2 หากดัชนี IncomeAsia 2.0 สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า 15% นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนอีก 8 % และในปีที่ 3 หากดัชนี IncomeAsia 2.0 สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า 20% นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มอีก 8 % รวมเป็น 24%

ส่วนโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนทั้ง 3 ปีอยู่ที่ประมาณ 80.54% โอกาสที่นักลงทุนจะได้รับผลบตอบแทนที่ 2 ปีอยู่ที่ประมาณ 15.48% โอกาสที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเพียง 1 ปีอยู่ที่ประมาณ 3.98% ขณะที่โอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนเลยอยู่ที่ 0.00%

นายวนา กล่าวว่า การที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วในอัตรา 0.75% ส่งผลให้ราคาของตราสารหนี้ประเภท ECP (Euro commercial Paper) ปรับลดลง และอัตราผลตอบแทนของ ECP ลงมาใกล้เคียงกับตราสารหนี้ในประเทศ ทำให้บริษัทต้องชะลอแผนในการออกกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนใน ECP ออกไปก่อน โดยจะต้องติดตามสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด และอาจจะต้องเปลี่ยนแผนการลงทุนใน ECP มาเป็นการออกกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศแทน

ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ความผันผวนในช่วงนี้ นักลงทุนควรลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ ตราสารหนี้ และพันธบัตรรัฐบาลแทน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน นอกจากนี้ การลงทุนในตราสารทุนประเทศแถบภูมิภาคเอเชียเองก็ยังคงมีความน่าสนใจ เพราะการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเข้าไปซื้อสะสม โดยมองว่าประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไม่รวมญี่ปุ่น มีการพึ่งพาการส่งออกกับสหรัฐอเมริกาน้อยลง

อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียยังมีการเจริญเติบโตที่ดี นักลงทุนควรเข้าไปเลือกหุ้นแบบรายตัว ซึ่งเป็นหุ้นตัวหลักที่มีศักยภาพดี และอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจโดยตรง โดยการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคยุโรป และสหรัฐอเมริกายังคงมีความเสี่ยงมากกว่า นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะทยอยเข้าไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในช่วงที่ตลาดผันผวน เนื่องจากการลงทุนที่สม่ำเสมอจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น