xs
xsm
sm
md
lg

เอวายเอฟหวังอานิสงส์แบงก์แม่ดันเอยูเอ็มโตเข้าเป้าแสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อยุธยา หวังอานิสงส์แบงก์แม่ บี้ผู้จัดการสาขาขายกองทุนรวม ดันเอยูเอ็มปีนี้โตตามเป้า เป็น1 แสนล้าน ส่วนการลาออกของ "ณสุ" ผู้จัดการกองทุนหุ้นฝีมือดีไม่กระทบภาพ ระบุไมได้พึ่งพิงฟันด์แมเนเจอร์รายใดรายหนึ่ง ด้านพรีมาเวสท์ ส่งกองทุนเสี่ยงต่ำร่วมขายผ่านสาขา

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะได้รับผลดีหลังจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือหุ้นทั้ง 100% ในบริษัท ได้นำวิธีการวัดผลงาน KPI มาใช้กับผู้จัดการสาขาของธนาคาร ซึ่งอาจทำให้การขายกองทุนรวมผ่านสาขาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันยอดขายกองทุนรวมของบริษัทผ่านสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% จากในอดีตมีสัดส่วนเพียง 20%

“วิธีวัดผลงานนี้จะทำให้ผู้จัดการสาขาแบงก์ ต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ลูกค้าด้วยและน่าจะทำให้เรามีสินทรัพย์ตามเป้าแสนล้านบาทในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ที่ 5.3 หมื่นล้าน”นายประภาส กล่าว

สำหรับกรณีที่นายณสุ จันทร์สม ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการกองทุนหุ้น เพื่อไปทำงานธนาคารของสวิสต์ที่สาขาสิงคโปร์นั้น ไม่น่าจะกระทบต่อการบริหารจัดการของ AYF เนื่องจากบริษัทมีระบบและกระบวนการลงทุน ไม่ได้พึ่งพิงผู้จัดการรายใดรายหนึ่ง จึงไม่อยากให้ลูกค้ากังวล

ด้านนายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวว่า แม้ธนาคารกรุงศรีฯ จะถือหุ้นบริษัทเพียง 10% แต่ยังขายหน่วยลงทุนบริษัทผ่านสาขาเช่นเดิม โดยจะเลือกขายกองทุนประเภทตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำให้แก่ลูกค้าเงินฝากของธนาคาร ขณะที่กองทุนที่เสี่ยงมากกว่า เช่นกองทุนเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) จะขายผ่านตัวแทนขายอื่นๆ

ขณะที่นายฉัตรรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อยุธยา กล่าวเสริมว่า บริษัทตั้งเป้ามีสินทรัพย์ภายใต้การบริการจัดการ (เอยูเอ็ม) ภายสิ้นในปี 2551 ไว้ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเป็นการเติบโตจากกองทุนรวมตราสารหนี้ประมาณ 60-70% ที่เหลือเป็นกองทุนรวมหุ้น ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปี่ก่อน 5 หมื่นล้านบาทนั้น มาจากการเติบโตของกองทุนรวม 4.5-5 หมื่นล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 5 พันล้านบาท

สำหรับนโยบายการลงทุนในหุ้น บริษัทมีหลักสำคัญในการลงทุน 2 ประการ คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอตราการเติบโตของกำไรที่สูง อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณาชิย์ และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการจะเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ลงทุนนั้น ขึ้นอยู่ปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยขณะนี้กองทุนหุ้นไทยของบริษัทติดลบน้อยที่สุด หลังจากต้นปีดัชนีหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาโดยตลอด แต่ยังไม่ตัดสินใจปรับพอร์ตลงทุน เพราะยังไม่มีปัจจัยมากระทบ ส่วนหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นั้น ได้ให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาดแล้ว นอกจากนี้ การลงของเรายังเน้นหุ้นที่มีความสามารถในการจ่ายปันผลดี
กำลังโหลดความคิดเห็น