xs
xsm
sm
md
lg

กรุงไทยขายกองบอนด์อายุ3เดือนชูความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทยเดินหน้าขายกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารแห่งหนี้คล้ายเงินฝาก ตราสารหนี้ทั่วไป และเงินฝาก เปิดจองไอพีโอ 26 ก.พ.-3 มี.ค.นี้ เผยเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการผลตอบแทนมากกว่าฝากแบงก์ พร้อมคาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือน35 (KTST3M35) ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ -3มีนาคม 2551 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารแห่งหนี้ในประเทศ ได้แก่ ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป เงินฝากในสถาบันการเงิน ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note)

สำหรับกองทุน KTST3M35 เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยล่าสุด อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน อยู่ที่ 2.00% ต่อปี และยอดเงินฝาก 5 ล้านบาท ขึ้นไป อยู่ที่ 2.25% ต่อปี หักภาษี ณที่จ่ายอีก 15% นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ได้ทั่วประเทศ

นายสมชัย กล่าวว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ได้ปรับตัวชันมากขึ้นโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปีปรับตัวสูงขึ้น 0-18 bp ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปีปรับตัวลดลง 1 – 3 bp เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลง

อย่างไรก็ตาม อาจจะไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้มากนักเพราะราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้นักลงทุนเริ่มขายพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยง และปรับลด Duration ลง ส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวชันขึ้นและคาดว่าตลาดจะผันผวนต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น กองทุน KTST3M35 จึงเป็นกองทุนที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และไม่ต้องการความผันผวนจากการลงทุน

ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทย ตั้งเป้าปี 51 จะเพิ่มทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ(AUM) ไว้ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปี 2550 ที่มี 210,872 ล้านบาท โดยมาจากการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และจะทำการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) เพิ่มขึ้น โดยจะพยายามส่งเสริมให้นักลงทุนเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยง (RMF) ตลอดภายในปีนี้ เนื่องจากปีที่ผ่านมากองทุนทั้ง 2 ประเภทมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลดำเนินงานกองทุนรวมตราสารหนี้ภายใต้การจัดการสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 พบว่า กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 8.25% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 4.99% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 5.64% ,กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ2 (RMF2) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 8.97% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 5.72% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 7.30%, กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ3(RMF3) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 13.11% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 8.13% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 7.65%

ขณะที่การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 นี้ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย คาดว่าทางคณะกรรมการน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ มากกว่าการปรับดอกเบี้ยลง เนื่องมาจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อได้มีการปรับตัวสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น