บลจ.บัวหลวงเปิดขายกองทุนตราสารหนี้“บัวหลวงธนรัฐ 6/08”ชูนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐ โดยมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งหมดเขตการขาย วันที่ 27 ก.พ.51นี้*วรวรรณ*ชี้ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกยังผันผวน แนะลงทุนยาวปลอดภัย กว่า เหตุเชื่อครึ่งหลังตลาดฯฟื้นในขณะที่บลจ.นครหลวงไทยส่ง"กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08" เน้นลงทุนสั้นๆ 6 เดือนในตราสารหนี้ทั้งในและนอกประเทศ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท จะปิดการขายวันที่ 25 ก.พ.นี้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 ซึ่งให้ผลตอบแทนในอัตรา 2.55% ในอัตรารับซื้อคืนต่อปี โดยกองทุนกังกล่าวมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
“กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 ถือว่าเป็นกองที่ 6 ที่บริษัทได้ทำการเปิดขายตั้งแต่ต้นปี โดยกองทุนมีอายุโครงการ 4 – 6 เดือน และจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน 2.55% ในอัตรารับซื้อคืนต่อปี สาเหตุที่ออกกองทุนดังกล่าวออกมานั้น เนื่องจากว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเริ่มมีการปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนจึงมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในแบงก์เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังเป็นกองทุนที่มีความปลอดภัยอีกด้วย เพราะกองทุนนี้เป็นกองทุนที่มีปัจจัยความเสี่ยงที่ต่ำ”นางวรวรรณกล่าว
สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 มีอายุโครงการ 4 – 6 เดือน โดยมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำการเสนอขายได้อีกไม่เกิน 750 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อระดมเงินจากผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ เงินฝาก รวมถึงบัตรเงินฝาก และตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน ที่มีความมั่นคงปลอดภัย และเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกองทุน ซึ่งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงินได้ตลอดอายุของโครงการด้วย โดยจะเปิดขายในระหว่างวันที่ 20 – 27 กุมภาพันธ์ 2551
นางวรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 3/08, กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 4/08, และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 5/08 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปเมื่อวันที่ 7- 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยทั้งสามกองทุนสามารถระดมเงินทุนรวมกันได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ 3 กองทุนที่ได้เปิดขายออกไปแล้วนั้น ถือเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนมากขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมของนักลงทุน
นอกจากนี้นางวรวรรณ ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ว่า ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง จากความกังวัลในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพไพร์ม ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงควรเป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังปัญหาต่างๆน่าจะคลี่คลาย และตลาดหุ้นจะกลับมาดีอีกครั้ง ในส่วนของบลจ.บัวหลวง มีเป้าหมายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนโดยรวม ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นที่หนึ่งในตลาดก็ตาม
ด้านนางสาวอัจฉรา สุทธิศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เปิดตัวใหม่ว่า จากภาวะเศรษฐกิจค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้มีนักลงทุนให้ความสนใจในการซื้อขายหน่วยลงทุนมากขึ้น และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของนักลงทุน บริษัทจึงมีนโยบายในการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI Fixed Term Fund 6M/08) ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพียงระยะสั้น ๆ โดยกองทุนจะมุ่งเน้นให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนสูง และบริษัท จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุการลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยจะเสนอขายครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2551 ในราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน มูลค่าลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินอีกด้วย
สำหรับนโยบายของกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารส่วนใหญ่ที่มีอายุคงเหลือใกล้เคียงกับอายุโครงการเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดและสภาพคล่องจากการลงทุนในตราสารประเภทนี้ ดังนั้น การลงทุนในกองทุนนี้ จึงเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 ซึ่งให้ผลตอบแทนในอัตรา 2.55% ในอัตรารับซื้อคืนต่อปี โดยกองทุนกังกล่าวมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
“กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 ถือว่าเป็นกองที่ 6 ที่บริษัทได้ทำการเปิดขายตั้งแต่ต้นปี โดยกองทุนมีอายุโครงการ 4 – 6 เดือน และจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน 2.55% ในอัตรารับซื้อคืนต่อปี สาเหตุที่ออกกองทุนดังกล่าวออกมานั้น เนื่องจากว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเริ่มมีการปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนจึงมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในแบงก์เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังเป็นกองทุนที่มีความปลอดภัยอีกด้วย เพราะกองทุนนี้เป็นกองทุนที่มีปัจจัยความเสี่ยงที่ต่ำ”นางวรวรรณกล่าว
สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 6/08 มีอายุโครงการ 4 – 6 เดือน โดยมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำการเสนอขายได้อีกไม่เกิน 750 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อระดมเงินจากผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยนำไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ เงินฝาก รวมถึงบัตรเงินฝาก และตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน ที่มีความมั่นคงปลอดภัย และเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกองทุน ซึ่งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงินได้ตลอดอายุของโครงการด้วย โดยจะเปิดขายในระหว่างวันที่ 20 – 27 กุมภาพันธ์ 2551
นางวรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 3/08, กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 4/08, และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 5/08 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปเมื่อวันที่ 7- 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยทั้งสามกองทุนสามารถระดมเงินทุนรวมกันได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ 3 กองทุนที่ได้เปิดขายออกไปแล้วนั้น ถือเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนมากขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมของนักลงทุน
นอกจากนี้นางวรวรรณ ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ว่า ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง จากความกังวัลในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพไพร์ม ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงควรเป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังปัญหาต่างๆน่าจะคลี่คลาย และตลาดหุ้นจะกลับมาดีอีกครั้ง ในส่วนของบลจ.บัวหลวง มีเป้าหมายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนโดยรวม ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นที่หนึ่งในตลาดก็ตาม
ด้านนางสาวอัจฉรา สุทธิศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เปิดตัวใหม่ว่า จากภาวะเศรษฐกิจค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้มีนักลงทุนให้ความสนใจในการซื้อขายหน่วยลงทุนมากขึ้น และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของนักลงทุน บริษัทจึงมีนโยบายในการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI Fixed Term Fund 6M/08) ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพียงระยะสั้น ๆ โดยกองทุนจะมุ่งเน้นให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนสูง และบริษัท จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุการลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยจะเสนอขายครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2551 ในราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน มูลค่าลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินอีกด้วย
สำหรับนโยบายของกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารส่วนใหญ่ที่มีอายุคงเหลือใกล้เคียงกับอายุโครงการเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดและสภาพคล่องจากการลงทุนในตราสารประเภทนี้ ดังนั้น การลงทุนในกองทุนนี้ จึงเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคง