บลจ.นครหลวงไทยคลอดกองทุนใหม่ ลุยลงทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มูลค่า 3,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน หวังโยกเม็ดเงินกองเก่าที่ใกล้หมดอายุร่วม 1 พันกว่าล้านบาทเข้าพอร์ต ไอพีโอ 18-25 ก.พ.นี้ พร้อมผนึกกำลังบริษัทในเครือเปิดให้บริการ “SCIBS Trading Plus" Plus" ตั้งเป้าดึงลูกค้าใช้บริการ 500 ราย
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 1 กอง ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI FT 6M/08) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 6 เดือน โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 18 - 25 กุมภาพันธ์ 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ หรือตราสารกึ่งหนี้ กึ่งทุนหรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกออกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด
ก่อนหน้านี้ นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กล่าวว่า จากภาวะการลงทุนทั่วโลกที่มีความผันผวน ทำให้แผนการออกกองทุนใหม่ของบริษัทที่เตรียมไว้จำเป็นต้องเลื่อนออกไปจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำการออกกองทุนรวมตราสารหนี้อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ภายในเร็วนี้อย่างแน่นอนเพื่อทดแทนกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะหมดอายุโครงการในเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้น เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น โดยบริษัทจัดการจะคุ้มครองเงินต้นตามมูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหน่วยให้เฉพาะผู้ถือหน่วยที่ซื้อหน่วยลงทุนในการจองซื้อครั้งแรก และได้ถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการ อีกทั้งจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นราย ไตรมาส และเป็นโครงการที่ประสงค์จะดำรงอัตราส่วนการลงทุนตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2548 และจดทะเบียนกองทุนรวมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549
โดยกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้นได้รายงานถึงเงินลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 ว่า กองทุนเข้าลงทุนในตราสารภาครัฐไทยและตราสารภาครัฐต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 947,486,248.92 บาท หรือ 82.25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน (NAV) และลงทุนในกลุ่มตราสารที่ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุน เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือผู้คำประกันจำนวน 205,193,544.46 บาท
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย หรือ SCIB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย และ บลจ.นครหลวงไทย เปิดให้บริการ “SCIBS Trading Plus" หรือบริการชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนตลาดเงิน (Money Market) โดย บลจ.นครหลวงไทย จะนำเงินที่ได้รับจากการขายหลักทรัพย์ของลูกค้า บล.นครหลวงไทย ที่ใช้บริการชำระราคาซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) ของธนาคารนครหลวงไทย ไปลงทุนในตลาดเงินเพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
"นับเป็นกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินแห่งแรกที่เปิดให้บริการภายหลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)อนุญาตให้สามารถดำเนินธุรกิจดังกล่าวได้ ซึ่งการให้บริการใหม่นี้ยังเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนารูปแบบการลงทุนใหม่ ๆ ในตลาดทุนของประเทศ ตลอดจนเป็นการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดทางด้านธุรกิจตลาดทุนของเครือธนาคารนครหลวงไทยอีกทางหนึ่งด้วย"
นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเปิดใช้บริการ “SCIBS Trading Plus" ประมาณ 500 บัญชี และจะขยายฐานไปยังลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้บริการบัญชีชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีของธนาคารนครหลวงไทย
ขณะที่ น.ส.อัจฉรา สุทธิศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บลจ. นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากเปิดให้บริการดังกล่าว จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของกองทุนตลาดเงินเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท จาก 3,000ล้านบาท สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนผ่านบริการดังกล่าวนั้น ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา พบว่าอัตราผลตอบแทนในตลาดเงินอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 2.80% ต่อปี
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 1 กอง ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 (SCI FT 6M/08) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 6 เดือน โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 18 - 25 กุมภาพันธ์ 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ เทอม 6 เดือน/08 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ หรือตราสารกึ่งหนี้ กึ่งทุนหรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกออกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด
ก่อนหน้านี้ นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กล่าวว่า จากภาวะการลงทุนทั่วโลกที่มีความผันผวน ทำให้แผนการออกกองทุนใหม่ของบริษัทที่เตรียมไว้จำเป็นต้องเลื่อนออกไปจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำการออกกองทุนรวมตราสารหนี้อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ภายในเร็วนี้อย่างแน่นอนเพื่อทดแทนกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะหมดอายุโครงการในเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้น เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น โดยบริษัทจัดการจะคุ้มครองเงินต้นตามมูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหน่วยให้เฉพาะผู้ถือหน่วยที่ซื้อหน่วยลงทุนในการจองซื้อครั้งแรก และได้ถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการ อีกทั้งจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นราย ไตรมาส และเป็นโครงการที่ประสงค์จะดำรงอัตราส่วนการลงทุนตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2548 และจดทะเบียนกองทุนรวมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549
โดยกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2/2 คุ้มครองเงินต้นได้รายงานถึงเงินลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 ว่า กองทุนเข้าลงทุนในตราสารภาครัฐไทยและตราสารภาครัฐต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 947,486,248.92 บาท หรือ 82.25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน (NAV) และลงทุนในกลุ่มตราสารที่ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุน เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือผู้คำประกันจำนวน 205,193,544.46 บาท
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย หรือ SCIB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย และ บลจ.นครหลวงไทย เปิดให้บริการ “SCIBS Trading Plus" หรือบริการชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนตลาดเงิน (Money Market) โดย บลจ.นครหลวงไทย จะนำเงินที่ได้รับจากการขายหลักทรัพย์ของลูกค้า บล.นครหลวงไทย ที่ใช้บริการชำระราคาซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) ของธนาคารนครหลวงไทย ไปลงทุนในตลาดเงินเพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
"นับเป็นกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินแห่งแรกที่เปิดให้บริการภายหลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)อนุญาตให้สามารถดำเนินธุรกิจดังกล่าวได้ ซึ่งการให้บริการใหม่นี้ยังเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนารูปแบบการลงทุนใหม่ ๆ ในตลาดทุนของประเทศ ตลอดจนเป็นการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดทางด้านธุรกิจตลาดทุนของเครือธนาคารนครหลวงไทยอีกทางหนึ่งด้วย"
นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเปิดใช้บริการ “SCIBS Trading Plus" ประมาณ 500 บัญชี และจะขยายฐานไปยังลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้บริการบัญชีชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีของธนาคารนครหลวงไทย
ขณะที่ น.ส.อัจฉรา สุทธิศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บลจ. นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากเปิดให้บริการดังกล่าว จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของกองทุนตลาดเงินเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท จาก 3,000ล้านบาท สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนผ่านบริการดังกล่าวนั้น ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา พบว่าอัตราผลตอบแทนในตลาดเงินอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 2.80% ต่อปี