xs
xsm
sm
md
lg

นครหลวงฯขอก.ล.ต.ลุยเครดิตลิงก์โน้ต ลดมูลค่าซื้อขั้นต่ำกอง MAX Mเพิ่มลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.นครหลวงไทยเล็งส่งกองทุนตราสารหนี้เครดิตลิงก์โน้ตเข้าตลาด รอเพียง ก.ล.ต. อนุมัติในหลักการ ส่วนเอฟไอเอฟกองใหม่ เตรียมเข้าลงทุนตราสารหนี้ "แดนกิมจิ - นกกีวี" ปลายไตรมาส 1 ขณะเดียวกันประกาศลดมูลค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนแมกซ์มั่นคงเหลือ 2,000 บาท จากเดิม 10,000 บาท หวังรองรับนักลงทุนและเป็นแหล่งพักเงินของนักลงทุนในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน คาดหนุนมูลค่าทรัพย์สินกองทุนโตได้อีก 1,000-2,000 ล้านบาท

นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมแก้ไขกฎระเบียบให้กองทุนรวมตราสารหนี้สามารถลงทุนในเครดิตลิงก์โน้ตได้ จากเดิมที่เคยอนุญาตให้กองทุนรวมผสมลงทุนในเครดิตลิงก์โน้ตเท่านั้น ทำให้บริษัทมีแผนการที่จะออกกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในเครดิตลิงก์โน้ต เพื่อทดแทนกองทุนเดิมแต่คงจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ก่อน

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้ ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในเกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คงจะต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การลงทุนยังมีความผันผวนอยู่ รวมไปถึงรอการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนว่าจะมีมาตรการออกมาอย่างไร แต่คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณเดือนมีนาคม 2551

นายนที กล่าวต่อว่า บริษัทได้ประกาศปรับลดมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อครั้งแรก และมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อครั้งต่อไปของกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง (MAX M) จาก 10,000 บาทเหลือเพียง 2,000 บาท เพื่อเป็นการรองรับนักลงทุนที่ซื้อขายหน่วยลงทุนไม่เกิน 10,000 บาท และเป็นแหล่งพักเงินของนักลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นความผันผวนสูง เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อนนำเงินเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง
โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงิน (Money Market) เพียงกองเดียวของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 3,000 ล้านบาท

สำหรับกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ และบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยตราสารแห่งหนี้บริษัทเอกชนนั้นจะต้องได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนจะดำรงพอร์ตโฟลิโอ ดูเรชัน (Portfolio Duration) ของกองทุนในขณะใดขณะหนึ่งไม่เกิน 1.5 ปี และจะดำรงสัดส่วนการลงทุนในตราสารสภาพคล่องตามที่สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 25 มกราคม 2551 พบว่า กองทุนดังกล่าวลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 41.78% ตั๋วเงินคลัง 13.13% หุ้นกู้ระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารไทยพาณิชย์ 5.85% ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 5.48% หุ้นกู้ระยะสั้นที่ออกโดย ธนาคารกสิกรไทย 5.48% ตั๋วแลกเงินที่ออกโดยธนาคารซูมิโตโม 5.47% หุ้นกู้ระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารไทยพาณิชย์ 5.47% ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บมจ.สยามพาณิชย์ลิสซิ่ง 4.71% ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บมจ.สยามพาณิชย์ลิสซิ่ง 3.62% นอกจากนี้ ลงทุนในสินทรัพย์และหนี้สินอื่นๆ 5.34%


มั่นใจก.ล.ต.แก้เกณฑ์โฆษณาไม่กระทบ

สำหรับการที่ก.ล.ต.ได้มีการประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายหน่วยลงทุนนั้น ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแนวทางการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากจะใช้ช่องทางการขายตรง (Direct Sale) เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการให้ความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งวิธีการชักชวนและนำเสนอให้เข้ามาลงทุนของพนักงานขายเป็นสำคัญ

โดยก่อนหน้านี้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย และ บลจ.นครหลวงไทยเปิดให้บริการ “SCIBS Trading Plus” หรือบริการชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนตลาดเงิน ซึ่ง บลจ.นครหลวงไทยจะดำเนินการนำเงินที่ได้รับโอนจากการชำระราคาขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนที่เป็นลูกค้าจาก บล.นครหลวงไทย ที่ใช้บริการชำระราคาขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) ของธนาคารนครหลวงไทยไปลงทุนในหน่วยลงทุนผ่านกองทุนตลาดเงิน เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น