xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวง Money Tips : ช่วงอายุของการลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การจัดสรรเงินออมของคนแต่ละคนนั้น มีหลากหลายแบบตามความจำเป็นและความต้องการของแต่ละบุคคล บางคนอาจจัดสรรเงินออมของตนตามความจำเป็นและความต้องการ บางคนอาจจัดสรรเงินออมของตนตามความกล้าได้กล้าเสียในการลงทุน หรือบางคนอาจจัดสรรเงินออมตามวัยของตนเอง

ช่วงอายุก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญกับการจัดสรรเงินออม เพราะช่วงอายุจะมีความสัมพันธ์กับรายได้ กล่าวคือ เมื่อบุคคลมีอายุเพิ่มขึ้น ระดับรายได้และพฤติกรรมการใช้จ่ายตลอดจนการออมก็จะเปลี่ยนแปลงไป ผู้ที่มีอายุน้อยและรายได้อยู่ในช่วงเริ่มสะสมทรัพย์มักจะนิยมลงทุนในลักษณะที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูง เพราะหากการลงทุนไม่ประสบผลดังที่คาดไว้ก็ยังสามารถเริ่มต้นสะสมทรัพย์ไหม่ได้ เนื่องจากอายุยังน้อยและมีโอกาสแก้ตัวใหม่ ขณะที่ผู้มีอายุมากกว่าและมีรายได้ที่มั่นคงแล้วก็นิยมที่จะลงทุนในลักษณะที่มีความเสี่ยงโดยรวมต่ำลง แม้ว่าผลตอบแทนจะลดลงก็ตาม ทั้งนี้เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด หรือไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ช่วงอายุที่เหลืออาจไม่เพียงพอที่จะเริ่มต้นสะสมทรัพย์ใหม่ได้

ช่วงอายุของผู้ลงทุนแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลา เริ่มตั้งแต่

1.Accumulation Phase คือ ขั้นตอนของชีวิตช่วงที่เริ่มทำงาน เริ่มสะสมทุนทรัพย์ ในช่วงนี้ผู้ลงทุนอาจมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เพราะอาจมีการซื้อสินทรัพย์รายการใหญ่ๆ เช่น บ้าน รถยนต์ ฯลฯ มีรายได้น้อยแต่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและน่าพอใจในอนาคต นักลงทุนประเภทนี้มักจะชอบลงทุนประเภท High Risk / High Return

2.Consolidation Phase คือ ขั้นตอนของชีวิตช่วงที่มีรายได้สูงกว่ารายจ่าย ซึ่งอยู่ในช่วง Mid to Late Career คือ เป็นช่วงที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีรายได้ที่สม่ำเสมอ หนี้สินที่มีลดลงจนใกล้ชำระเสร็จสิ้น เพราะไม่ได้สร้างเพิ่มและหนี้สินที่มีอยู่ก็ได้ผ่อนชำระมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ดังนั้นแนวการลงทุนจึงลดความเสี่ยงลง และคำนึงถึงความมั่นคงมากขึ้น

3.Spending Phase คือ ขั้นตอนของชีวิตช่วงเกษียณอายุการทำงาน มีอิสระทางการเงิน กล่าวคือ ไม่มีภาระหนี้สินแม้ไม่มีรายได้จากการทำงาน แต่ก็มีรายได้จากกองทรัพย์สินที่สะสมและลงทุนไว้ ทำให้สามารถดำรงมาตรฐานชีวิตเช่นเดิมก่อนที่จะเกษียณอายุงาน

4.Gifting Phase คือ ขั้นตอนของช่วงปลายชีวิต ซึ่งมีทรัพย์สินมากเกินกว่าจะใช้หมดจึงมีเหลือเผื่อแผ่เจือจุนให้แก่ผู้อื่นได้ โดยจะส่งผ่านไปให้แก่ทายาท หรือกลายเป็นมรดกไว้ให้ลูกหลานต่อไปในที่สุด

เมื่อได้ทราบถึงการจัดสรรเงินออมของแต่ละช่วงอายุแล้ว ลองมาดูถึงความเหมาะสมในการจัดสรรเงินออมเพื่อไปลงทุนตามช่วงอายุต่างๆ ของคนแต่ละคนกันบ้าง โดยเราต้องสำรวจตัวเองว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะความเสี่ยงกับผลตอบแทนนั้นมักจะมาด้วยกันเสมอ และไปในทิศทางเดียวกันด้วย กล่าวคือ ถ้าความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็มักจะสูงตามไปด้วย แต่ถ้าความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนก็มักจะต่ำตามไปด้วย ดังนั้นถ้าท่านเป็นคนชอบความเสี่ยง ชอบอะไรที่ให้ความตื่นเต้น ไม่เรื่อยเฉื่อย และสามารถทำใจยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นได้โดยง่าย การจัดสรรเงินออมของท่านเพื่อการลงทุนก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ไม่กล้ารับความเสี่ยง ซึ่งมักเน้นความปลอดภัยของเงินต้นไว้ก่อน

นอกจากนี้ "อายุ" ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้อง และบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่คนแต่ละคนจะสามารถรับได้ รวมทั้งบอกถึงภาระค่าใช้จ่าย ความมั่นคงทางการเงิน และความสามารถในการหารายได้ ดังนั้นคนแต่ละวัยจึงมีการจัดสรรเงินลงทุนที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มีอายุน้อยๆ ประมาณ 20-30 ปี ที่เป็นวัยเริ่มต้นทำงานนั้น มักจะยังไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากนัก เพราะมักเป็นวัยที่ยังไม่มีครอบครัว และเป็นวัยที่ยังสามารถหาเงินได้ไปอีกนาน จึงสามารถรับความเสี่ยงต่างๆ ได้มากกว่าวัยอื่นๆ ซึ่งจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง แม้ว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงจะมีโอกาสที่จะสูญเสียเงินต้นสูงก็ตาม และคนที่อายุยังน้อยอยู่ โอกาสที่จะหารายได้มาทดแทนการสูญเสียเงินต้นก็ยังมีอีกมากผิดกับคนที่อายุมากๆแล้ว เพราะยิ่งอายุมากการจัดสรรเงินลงทุนต่างๆ ก็จะยิ่งยากไปด้วย เพราะต้องจัดสรรเงินลงทุนต่างๆของตนให้เหมาะสมทั้งด้านผลตอบแทน ความเสี่ยง ค่าใช้จ่าย และ ความรับผิดชอบต่างๆในครอบครัวที่มีมากขึ้นตามวัยที่สูงขึ้น

การลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะหากเรายังคงมีรายได้น้อยเราก็สามารถลงทุนได้โดยการฝากเงินกับธนาคาร หรือสะสมเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ พอเงินสะสมของเราเริ่มมากพอในบัญชีเงินฝาก เราก็สามารถนำเงินเหล่านั้นไปลงทุนได้หลากหลายวิธี เช่นลงทุนกับกองทุนรวม ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความมีหลากหลาย โดยผู้ลงทุนจะต้องคำนึงอยู่เสมอว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง และการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มักจะต้องมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นควบคู่มาด้วย

การลงทุนในกองทุนต่างๆ มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินโดยทั่วไป การลงทุนในกองทุนต่างๆจึงได้รับความนิยมมากขึ้น แต่การลงทุนในกองทุนรวมที่ดีนั้น ผู้ลงทุนควรต้องกระจายความเสี่ยงของการลงทุนด้วย ซึ่งจะเลือกลงทุนในกองทุนหลายๆแบบหรือตราสารการเงินอื่นก็ทำได้ โดยต้องยึดหลักว่าตราสารการเงินนั้นๆ ต้องมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับและเหมาะกับวัตถุประสงค์ของการลงทุน

ผู้ลงทุนเป็นผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน การลงทุนของคนกลุ่มนี้มักจะเลือกลงทุนในสิ่งที่จะให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและไม่มีความเสี่ยง เช่น เลือกที่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพดี แต่ให้ผลตอบแทนไม่สูงมากนัก ในอัตราส่วนมากกว่าการลงทุนในหลักทรัพย์อื่น ๆ

หากผู้ลงทุนเป็นผู้ที่ชอบความเสี่ยง ต้องการผลตอบแทนสูงๆ ผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาสูง หวังจะได้กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในระยะสั้นๆ หรือเลือกลงทุนในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินลงทุนที่น้อย แต่ผู้ลงทุนต้องไม่ลืมว่าผลตอบแทนที่ได้รับมาสูงนั้น จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้น เมื่อผู้ลงทุนได้ทราบถึงช่วงอายุของการลงทุนแล้ว ก็ควรที่จะเลือกวิธีการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุของแต่ละบุคคล โดยที่ควรจะคำนึงถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับ ให้เหมาะสมกับความสามารถของตัวผู้ลงทุนเองด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น