" ประเด็นเหล่านี้นับเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอการซื้อเพื่อรอดูทิศทางราคา ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็นปัจจัยที่ต้องพึงระวังของผู้ประกอบการในธุรกิจข้าวคือ ราคาที่มีแนวโน้มจะผันผวนในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดข้าวทุกระดับ รวมทั้งผู้บริโภคด้วย"
เมื่อวาน "ผู้จัดการรายวัน"ได้นำเสนอแล้วว่าราคาข้าวในระยะต่อไปมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง เนื่องมาจากการคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีทิศทางจะอ่อนตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นแบบทำลายสถิติเป็นเวลานาน ประกอบกับผลพ่วงจากการภาครัฐออกมาตรการข้าวถุงธงฟ้า วันนี้เราจะนำเสนอต่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อตลาดข้าวในประเทศและตลาดโลกอย่างไรบ้าง
ตลาดในประเทศ
แม้ว่ามาตรการข้าวถุงธงฟ้าจะช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศได้มีโอกาสซื้อข้าวราคาถูก ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและลดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คือ ปริมาณข้าวในสต็อกของรัฐบาล 2.1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวสาร 1.955 ล้านตัน และข้าวเปลือก 184,845 ตัน ซึ่งคำนวณเป็นข้าวสารประมาณ 107,400 ตัน เป็นข้าวในโครงการรับจำนำปี 2547/48-2550/51 ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% หมายถึงว่าข้าวที่จะนำออกมาจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นข้าวเก่า ซึ่งรัฐบาลต้องมีความรอบคอบในการคำนวณราคาจำหน่าย เนื่องจากการซื้อข้าวเก็บไว้ในสต็อกนั้นมีต้นทุนที่แตกต่างกัน อีกทั้งระยะการเก็บข้าวบางล็อตนั้นค่อนข้างนาน ส่งผลต่อคุณภาพข้าวด้วย การมุ่งที่จะจำหน่ายในราคาถูกเท่านั้นอาจจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระขาดทุน
นอกจากนี้ในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงราคาข้าวผันผวนและมีแนวโน้มลดลง แม้ว่ายังคงไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลจะใช้สต็อกข้าวทั้งหมดเพื่อนำมาข้าวถุงธงฟ้า แต่ในกรณีที่ใช้สต็อก 2.1 ล้านตันทั้งหมด และรัฐต้องมีแผนจะซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อกลับไปเติมให้สต็อกเต็ม 2.1 ล้านตันตามเดิม ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกคือ รัฐบาลต้องใช้เงินค่อนข้างมากในการซื้อข้าวเก็บในสต็อก เนื่องจากราคาข้าวปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งเงินที่ได้จากการขายข้าวในโครงการข้าวถุงธงฟ้าน่าจะไม่เพียงพอ นอกจากนี้หากรัฐจะตั้งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขึ้นมารับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงอาจเกิดความยุ่งยากในขั้นการสีแปรสภาพ โดยรัฐบาลต้องกำหนดเงื่อนไขดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหลได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขการวางเงินค้ำประกันจากโรงสีเพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อข้าวกลับเข้าโกดังจะไม่เกิดปัญหาใดๆตามมาเช่นในอดีต ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องนำสต็อกข้าวออกมาขายในโครงการข้าวถุงธงฟ้าคงจะขึ้นอยู่กับระดับและทิศทางราคาข้าวทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก
ตลาดโลก
เมื่อผนวกเหตุการณ์ต่างๆที่ประจวบเหมาะกันในจังหวะที่รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการข้าวธงฟ้า คือ แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลทำให้นักเก็งกำไรหันไปซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง และลดการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ผนวกกับการส่งสัญญาณการประมูลข้าวในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล และมาตรการข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาลไทย
การปรับตัวของชาวนาและโรงสี...เตรียมรับราคาผันผวน
จากปัจจัยที่กดดันราคาข้าวในตลาดโลก ผนวกกับความกังวลของตลาดโลกเมื่อไทยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า ซึ่งถูกตลาดข้าวตีความว่าเป็นการเพิ่มปริมาณข้าวในตลาด ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะอยู่ในช่วงขาลง ดังจะเห็นได้จากราคาข้าวในตลาดชิคาโกที่มีแนวโน้มลดลง รวมทั้งข่าวที่ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอคำสั่งซื้อ ทั้งนี้เพื่อรอดูทิศของราคาข้าว ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่าราคาข้าวจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาคงจะผันผวน เนื่องจากข่าวต่างๆทั้งจากประเทศผู้ผลิตและผู้ซื้อจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาและมีผลต่อการแกว่งของราคาข้าวในตลาดโลก
ภาวะราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักจะเกิดจาก
ปัจจัยพื้นฐาน : ปัญหาของปริมาณสต็อกข้าวสำรองทั่วโลกที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปี ปริมาณความต้องการข้าวในตลาดโลกลดลง ปริมาณการผลิตลดลงจากการที่ประเทศผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียเผชิญปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ
ปัจจัยในด้านการเก็งกำไร : ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักเก็งกำไรหันไปการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีนักเก็งกำไรเข้ามาซื้อขายด้วยเช่นกัน แต่เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ส่งผลให้การเก็งกำไรราคาข้าวลดลง ผลต่อเนื่องคือ ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง
ประเด็นที่น่าสนใจคือแนวโน้มของราคาข้าวในตลาดโลกนั้นจะผันผวนมากขึ้น โดยต้องติดตามผลกระทบจากปัจจัยต่างๆในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ทั้งปัจจัยพื้นฐาน คือ ผลผลิตของไทยเอง ผลผลิตและนโยบายการค้าของประเทศคู่แข่ง รวมทั้งนโยบายของประเทศคู่ค้า และปัจจัยในด้านการเก็งกำไรนั้นต้องจับตาว่าทิศทางการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงนั้นมีโอกาสจะกลับไปเป็นเช่นในอดีตที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีกหรือไม่ โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯในอนาคตก็คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังต้องจับตาว่าจะฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดไว้หรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้นักเก็งกำไรหันมาสนใจการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์อีกครั้งหนึ่ง ราคาข้าวก็มีโอกาสที่จะกลับมาพุ่งขึ้นไปอีกได้ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดข้าวนั้น ทำให้การรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องและรวดเร็วจะเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการค้าข้าวให้เตรียมรับมือกับราคาที่มีโอกาสจะผันผวนได้อย่างมีความพร้อมมากขึ้น
ส่วนการส่งออกข้าวนั้นต้องจับตาในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ซึ่งเป็นต้นฤดูการผลิตข้าวปี 2551/52 ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อการส่งออกของประเทศคู่แข่ง โดยราคาที่อยู่ในเกณฑ์สูงเป็นแรงจูงใจ ประเทศที่ผู้ส่งออกข้าวที่ไทยต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งนโยบายการส่งออกข้าวทั้งสองประเทศนี้จะกำหนดทิศทางการแข่งขันของไทยในตลาดข้าวโลกตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ในขณะที่ประเทศคู่ค้าข้าวต่างมีนโยบายขยายปริมาณการผลิตข้าว ทั้งนี้เพื่อความมั่งคงทางด้านอาหารของประเทศ ซึ่งจะทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติและการแพร่ระบาดของโรคและแมลงศัตรู โดยนับว่าเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่มีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับปริมาณการผลิตข้าวได้อย่างมาก
บทสรุป
จากแนวโน้มราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคในประเทศต้องได้รับความเดือดร้อน ทำให้รัฐบาลมีมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ โดยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า แต่ตลาดข้าวในต่างประเทศกลับตีความข่าวมาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลให้มีปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เมื่อผนวกกับหลากหลายปัจจัยในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลง และการเปลี่ยนรูปแบบการประมูลข้าวของฟิลิปปินส์เป็นรัฐบาลต่อรัฐบาล ทำให้ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลง และผู้ส่งออกของไทยเข้าไปร่วมประมูลไม่ได้ ประเด็นต่างๆเหล่านี้นับเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง โดยสัญญาณเริ่มจากการซื้อขายข้าวเปลือกล่วงหน้าในตลาดชิคาโกในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอการซื้อเพื่อรอดูทิศทางราคา ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็นปัจจัยที่ต้องพึงระวังของผู้ประกอบการในธุรกิจข้าวคือ ราคาที่มีแนวโน้มจะผันผวนในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดข้าวทุกระดับ รวมทั้งผู้บริโภคด้วย
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
เมื่อวาน "ผู้จัดการรายวัน"ได้นำเสนอแล้วว่าราคาข้าวในระยะต่อไปมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง เนื่องมาจากการคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีทิศทางจะอ่อนตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นแบบทำลายสถิติเป็นเวลานาน ประกอบกับผลพ่วงจากการภาครัฐออกมาตรการข้าวถุงธงฟ้า วันนี้เราจะนำเสนอต่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อตลาดข้าวในประเทศและตลาดโลกอย่างไรบ้าง
ตลาดในประเทศ
แม้ว่ามาตรการข้าวถุงธงฟ้าจะช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศได้มีโอกาสซื้อข้าวราคาถูก ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและลดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คือ ปริมาณข้าวในสต็อกของรัฐบาล 2.1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวสาร 1.955 ล้านตัน และข้าวเปลือก 184,845 ตัน ซึ่งคำนวณเป็นข้าวสารประมาณ 107,400 ตัน เป็นข้าวในโครงการรับจำนำปี 2547/48-2550/51 ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% หมายถึงว่าข้าวที่จะนำออกมาจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นข้าวเก่า ซึ่งรัฐบาลต้องมีความรอบคอบในการคำนวณราคาจำหน่าย เนื่องจากการซื้อข้าวเก็บไว้ในสต็อกนั้นมีต้นทุนที่แตกต่างกัน อีกทั้งระยะการเก็บข้าวบางล็อตนั้นค่อนข้างนาน ส่งผลต่อคุณภาพข้าวด้วย การมุ่งที่จะจำหน่ายในราคาถูกเท่านั้นอาจจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระขาดทุน
นอกจากนี้ในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงราคาข้าวผันผวนและมีแนวโน้มลดลง แม้ว่ายังคงไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลจะใช้สต็อกข้าวทั้งหมดเพื่อนำมาข้าวถุงธงฟ้า แต่ในกรณีที่ใช้สต็อก 2.1 ล้านตันทั้งหมด และรัฐต้องมีแผนจะซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อกลับไปเติมให้สต็อกเต็ม 2.1 ล้านตันตามเดิม ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกคือ รัฐบาลต้องใช้เงินค่อนข้างมากในการซื้อข้าวเก็บในสต็อก เนื่องจากราคาข้าวปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งเงินที่ได้จากการขายข้าวในโครงการข้าวถุงธงฟ้าน่าจะไม่เพียงพอ นอกจากนี้หากรัฐจะตั้งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขึ้นมารับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงอาจเกิดความยุ่งยากในขั้นการสีแปรสภาพ โดยรัฐบาลต้องกำหนดเงื่อนไขดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหลได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขการวางเงินค้ำประกันจากโรงสีเพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อข้าวกลับเข้าโกดังจะไม่เกิดปัญหาใดๆตามมาเช่นในอดีต ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องนำสต็อกข้าวออกมาขายในโครงการข้าวถุงธงฟ้าคงจะขึ้นอยู่กับระดับและทิศทางราคาข้าวทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก
ตลาดโลก
เมื่อผนวกเหตุการณ์ต่างๆที่ประจวบเหมาะกันในจังหวะที่รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการข้าวธงฟ้า คือ แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลทำให้นักเก็งกำไรหันไปซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง และลดการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ผนวกกับการส่งสัญญาณการประมูลข้าวในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล และมาตรการข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาลไทย
การปรับตัวของชาวนาและโรงสี...เตรียมรับราคาผันผวน
จากปัจจัยที่กดดันราคาข้าวในตลาดโลก ผนวกกับความกังวลของตลาดโลกเมื่อไทยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า ซึ่งถูกตลาดข้าวตีความว่าเป็นการเพิ่มปริมาณข้าวในตลาด ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะอยู่ในช่วงขาลง ดังจะเห็นได้จากราคาข้าวในตลาดชิคาโกที่มีแนวโน้มลดลง รวมทั้งข่าวที่ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอคำสั่งซื้อ ทั้งนี้เพื่อรอดูทิศของราคาข้าว ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่าราคาข้าวจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาคงจะผันผวน เนื่องจากข่าวต่างๆทั้งจากประเทศผู้ผลิตและผู้ซื้อจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาและมีผลต่อการแกว่งของราคาข้าวในตลาดโลก
ภาวะราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักจะเกิดจาก
ปัจจัยพื้นฐาน : ปัญหาของปริมาณสต็อกข้าวสำรองทั่วโลกที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปี ปริมาณความต้องการข้าวในตลาดโลกลดลง ปริมาณการผลิตลดลงจากการที่ประเทศผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียเผชิญปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ
ปัจจัยในด้านการเก็งกำไร : ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักเก็งกำไรหันไปการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีนักเก็งกำไรเข้ามาซื้อขายด้วยเช่นกัน แต่เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ส่งผลให้การเก็งกำไรราคาข้าวลดลง ผลต่อเนื่องคือ ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง
ประเด็นที่น่าสนใจคือแนวโน้มของราคาข้าวในตลาดโลกนั้นจะผันผวนมากขึ้น โดยต้องติดตามผลกระทบจากปัจจัยต่างๆในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ทั้งปัจจัยพื้นฐาน คือ ผลผลิตของไทยเอง ผลผลิตและนโยบายการค้าของประเทศคู่แข่ง รวมทั้งนโยบายของประเทศคู่ค้า และปัจจัยในด้านการเก็งกำไรนั้นต้องจับตาว่าทิศทางการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงนั้นมีโอกาสจะกลับไปเป็นเช่นในอดีตที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีกหรือไม่ โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯในอนาคตก็คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังต้องจับตาว่าจะฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดไว้หรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้นักเก็งกำไรหันมาสนใจการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์อีกครั้งหนึ่ง ราคาข้าวก็มีโอกาสที่จะกลับมาพุ่งขึ้นไปอีกได้ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดข้าวนั้น ทำให้การรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องและรวดเร็วจะเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการค้าข้าวให้เตรียมรับมือกับราคาที่มีโอกาสจะผันผวนได้อย่างมีความพร้อมมากขึ้น
ส่วนการส่งออกข้าวนั้นต้องจับตาในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ซึ่งเป็นต้นฤดูการผลิตข้าวปี 2551/52 ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อการส่งออกของประเทศคู่แข่ง โดยราคาที่อยู่ในเกณฑ์สูงเป็นแรงจูงใจ ประเทศที่ผู้ส่งออกข้าวที่ไทยต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งนโยบายการส่งออกข้าวทั้งสองประเทศนี้จะกำหนดทิศทางการแข่งขันของไทยในตลาดข้าวโลกตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ในขณะที่ประเทศคู่ค้าข้าวต่างมีนโยบายขยายปริมาณการผลิตข้าว ทั้งนี้เพื่อความมั่งคงทางด้านอาหารของประเทศ ซึ่งจะทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติและการแพร่ระบาดของโรคและแมลงศัตรู โดยนับว่าเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่มีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับปริมาณการผลิตข้าวได้อย่างมาก
บทสรุป
จากแนวโน้มราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคในประเทศต้องได้รับความเดือดร้อน ทำให้รัฐบาลมีมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ โดยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า แต่ตลาดข้าวในต่างประเทศกลับตีความข่าวมาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลให้มีปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เมื่อผนวกกับหลากหลายปัจจัยในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลง และการเปลี่ยนรูปแบบการประมูลข้าวของฟิลิปปินส์เป็นรัฐบาลต่อรัฐบาล ทำให้ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลง และผู้ส่งออกของไทยเข้าไปร่วมประมูลไม่ได้ ประเด็นต่างๆเหล่านี้นับเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง โดยสัญญาณเริ่มจากการซื้อขายข้าวเปลือกล่วงหน้าในตลาดชิคาโกในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอการซื้อเพื่อรอดูทิศทางราคา ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็นปัจจัยที่ต้องพึงระวังของผู้ประกอบการในธุรกิจข้าวคือ ราคาที่มีแนวโน้มจะผันผวนในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดข้าวทุกระดับ รวมทั้งผู้บริโภคด้วย
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย