บลจ.ทหารไทยเข็นพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์โรงแรมฟรีโฮดกองแรกของไทย "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่" ไอพีโอ 7-15 พ.ค.นี้ ตั้งความหวังสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการันตี เชื่อปีที่ 4 เป็นต้นไป ยิลด์ไม่น่าต่ำกว่า 7.5% ไม่หวั่นปัญหาสภาพคล่องน้อยเหตุเน้นกระจายหน่วยให้รายย่อยมากกว่าสถาบัน แนะลูกค้าเลือกลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์เอาชนะเงินเฟ้อ
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 7-15 พฤษภาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury Real Estate Investment Fund :LUXF)" ซึ่งมีนโยบายลงทุนในโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา มูลค่าโครงการ 1,965 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวได้มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำในช่วง 5 ปีแรก โดยในปีที่ 1 จ่าย 6.0% ปีที่ 2 จ่าย 6.5% ปีที่ 3-5 จ่าย 7% ต่อปี ซึ่งเป็นเพียงผลตอบแทนขั้นต่ำเท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงปีแรกๆของการดำเนินธุรกิจ ทาง บลจ.ไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับอัตราการเข้าพักมากนัก จึงได้ขอเป็นผลตอบแทนขั้นต่ำที่ทางบริษัทจะต้องให้กับกองทุน 210 ล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีแรกเอาไว้ อย่างไรก็ตามจากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยวที่มากกว่าการคาดการณ์ไว้ในช่วงแรก ทำให้คาดหมายว่าตั้งแต่ปีที่4 เป็นต้นไปผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับน่าจะไม่น้อยกว่า 7.5% และควรจะได้ในระดับ 8-9% โดยในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมาแม้รีสอร์ทยังดำเนินธุรกิจไม่เต็มรูปแบบและไม่ได้เปิดให้มีการจองห้องพักล่วงหน้า แต่ยังได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างดีพอสมควร โดยมีกระแสเงินสดเข้ามาแล้วกว่า 54 ล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าผลตอบแทนที่คาดหวังตั้งแต่ปีที่4 ที่ระดับมากกว่า 210 ล้านบาทจึงน่าจะเป็นไปได้
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่จะมีการรับรายได้ทั้งในส่วนของค่าเช่าคงที่ซึ่งผู้บริหารกองทุนจะต้องจ่ายให้กับกองทุนทุกเดือนๆ นอกจากนี้ยังจะมีรายได้ผันแปรหากผู้บริหารๆ ได้มากกว่าที่กำหนด ซึ่งกองทุนจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 5-10% ของรายได้ในส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะได้รายได้เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรในปีที่แล้วอีกด้วย
"ในการขายหน่วยลงทุนของกองทุนลักซ์ชัวรี่นั้นจะเน้นกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก โดยจะมีเจ้าของเดิมถือ 1 ใน 3 และทางบลจ.ยังได้ไปพูดคุยกับทางนักลงทุนสถาบันเพียง 2 รายเท่านั้น เพราะเราต้องการให้กองทุนนี้มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาถือหน่วยเป็นสัดส่วนที่สูง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายให้กับกองทุนในตลาดรองเมื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว" นางโชติกา กล่าว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่นั้นจะมีจุดเด่นหลัก 3 ประการ คือ 1.เป็นการซื้อสิทธิ์ขาดในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Freehold) ของสินทรัพย์ประเภทโรงแรมกองแรกของประเทศไทย ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มค่าให้กับผู้ถือหน่วยได้ในระยะยาวจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะเพิ่มค่าขึ้นในอนาคต , 2.มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำให้กับผู้ลงทุนในช่วง 5 ปีแรก ซึ่งหากผลการดำเนินงานออกมาดีผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่การรันตีไว้ โดยผลตอบแทนตรงนี้เป็นผลตอบแทนจริงๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่คืนกลับมาให้ผู้ลงทุนจริงๆ และ3.รีสอร์ตมีผู้บริหารโครงการเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
อย่างไรก็ตามกองทุนดัวกล่าวมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน คือ 1.อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมเป็นประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงที่สุด , 2.เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เดียว ไม่เหมือนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีพอร์ตขนาดใหญ่ที่จะมีการกระจายการลงทุนไปในโรงแรมหลายระดับและในหลายสถานที่เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และ 3.สำหรับโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อยจะเน้นลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การทำธุรกิจของรีสอร์ตจึงไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจไทย แต่จะขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะส่งผลกระทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายของรีสอร์ทได้
"ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนด้วยการฝากเงินอาจจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่ชนะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวันได้ แต่สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ปัจจุบันที่เงินเฟ้อค่อนข้างสูง เพราะจากสถิติทั่วโลกการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถที่จะให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อได้ " นางโชติกา กล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 7-15 พฤษภาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury Real Estate Investment Fund :LUXF)" ซึ่งมีนโยบายลงทุนในโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา มูลค่าโครงการ 1,965 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวได้มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำในช่วง 5 ปีแรก โดยในปีที่ 1 จ่าย 6.0% ปีที่ 2 จ่าย 6.5% ปีที่ 3-5 จ่าย 7% ต่อปี ซึ่งเป็นเพียงผลตอบแทนขั้นต่ำเท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงปีแรกๆของการดำเนินธุรกิจ ทาง บลจ.ไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับอัตราการเข้าพักมากนัก จึงได้ขอเป็นผลตอบแทนขั้นต่ำที่ทางบริษัทจะต้องให้กับกองทุน 210 ล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีแรกเอาไว้ อย่างไรก็ตามจากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยวที่มากกว่าการคาดการณ์ไว้ในช่วงแรก ทำให้คาดหมายว่าตั้งแต่ปีที่4 เป็นต้นไปผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับน่าจะไม่น้อยกว่า 7.5% และควรจะได้ในระดับ 8-9% โดยในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมาแม้รีสอร์ทยังดำเนินธุรกิจไม่เต็มรูปแบบและไม่ได้เปิดให้มีการจองห้องพักล่วงหน้า แต่ยังได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างดีพอสมควร โดยมีกระแสเงินสดเข้ามาแล้วกว่า 54 ล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าผลตอบแทนที่คาดหวังตั้งแต่ปีที่4 ที่ระดับมากกว่า 210 ล้านบาทจึงน่าจะเป็นไปได้
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่จะมีการรับรายได้ทั้งในส่วนของค่าเช่าคงที่ซึ่งผู้บริหารกองทุนจะต้องจ่ายให้กับกองทุนทุกเดือนๆ นอกจากนี้ยังจะมีรายได้ผันแปรหากผู้บริหารๆ ได้มากกว่าที่กำหนด ซึ่งกองทุนจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 5-10% ของรายได้ในส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะได้รายได้เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรในปีที่แล้วอีกด้วย
"ในการขายหน่วยลงทุนของกองทุนลักซ์ชัวรี่นั้นจะเน้นกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก โดยจะมีเจ้าของเดิมถือ 1 ใน 3 และทางบลจ.ยังได้ไปพูดคุยกับทางนักลงทุนสถาบันเพียง 2 รายเท่านั้น เพราะเราต้องการให้กองทุนนี้มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาถือหน่วยเป็นสัดส่วนที่สูง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายให้กับกองทุนในตลาดรองเมื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว" นางโชติกา กล่าว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่นั้นจะมีจุดเด่นหลัก 3 ประการ คือ 1.เป็นการซื้อสิทธิ์ขาดในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Freehold) ของสินทรัพย์ประเภทโรงแรมกองแรกของประเทศไทย ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มค่าให้กับผู้ถือหน่วยได้ในระยะยาวจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะเพิ่มค่าขึ้นในอนาคต , 2.มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำให้กับผู้ลงทุนในช่วง 5 ปีแรก ซึ่งหากผลการดำเนินงานออกมาดีผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่การรันตีไว้ โดยผลตอบแทนตรงนี้เป็นผลตอบแทนจริงๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่คืนกลับมาให้ผู้ลงทุนจริงๆ และ3.รีสอร์ตมีผู้บริหารโครงการเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
อย่างไรก็ตามกองทุนดัวกล่าวมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน คือ 1.อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมเป็นประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงที่สุด , 2.เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เดียว ไม่เหมือนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีพอร์ตขนาดใหญ่ที่จะมีการกระจายการลงทุนไปในโรงแรมหลายระดับและในหลายสถานที่เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และ 3.สำหรับโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อยจะเน้นลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การทำธุรกิจของรีสอร์ตจึงไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจไทย แต่จะขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะส่งผลกระทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายของรีสอร์ทได้
"ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนด้วยการฝากเงินอาจจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่ชนะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวันได้ แต่สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ปัจจุบันที่เงินเฟ้อค่อนข้างสูง เพราะจากสถิติทั่วโลกการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถที่จะให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อได้ " นางโชติกา กล่าว