ไตรมาสแรกได้ผ่านพ้นไปแล้ว จากการที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) น่าจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และสภาพคล่องในการซื้อขายจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ภายหลังจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เริ่มมีแนวโน้มเป็นได้สูงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยนับจากต้นปีที่ผ่านมา มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเปิดเสนอขายแล้วรวม 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PFFUND) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) และล่าสุด ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF) ของ บลจ.เอ็มเอฟซี
ดังนั้น โอกาสที่ขนาดของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม (เอ็นเอวี) เพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาท มีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน แม้ว่าหลาย บลจ.จะแอบบ่นไม่ได้ว่ากองทุนที่ลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดิน และอาคารจะค่อนข้างหาได้อย่างลำบากยากเย็นก็ตาม อย่างไรก็คิดว่าไม่เกินความสามารถ และฝีมือของผู้บริหารแต่ละท่านอยู่แล้ว
วันนี้ "Best of Fund" ขอพาไปดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายงานโดยบริษัทจัดการกองทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่ามีกองทุนใดที่สามารถให้ผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจบ้าง พร้อมกับมุมมองของผู้บริหารกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 โดยจะมาเผยถึงนโยบายในการเลือกลงทุนว่าเป็นอย่างไรจึงสามารถคว้าแชมป์มาได้
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด โดยกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ 4.75% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.75% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 23.88% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0%
อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทหารไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.40% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.40% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 6.40% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.45%
อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.31% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.31% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.12% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.75%
อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.19% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.19% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.67% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.66%
อันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.75% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.75% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0%
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.59% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.59% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.48% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.74%
อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลี่ยนแนร์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.37% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.37% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.89% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.23%
อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.31% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.31% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.65% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.58%
อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.24% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.24% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.76% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.85%
และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ้นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.17% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.17% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.95% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 9.04%
เปิดกลยุทธ์แชมป์อันดับ
เขมชาติ สุวรรณกุล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า การที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) สามารถให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากกองทุนลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ มีทำเลที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร และเป็นเซอร์วิสต์ อพาร์ทเม้นท์ที่มีทีมผู้บริการอย่างบริษัท แมริออท โอเต็ลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาบริหาร
นอกจากนี้ ผู้บริหารคือแบรนด์ที่ดี โดยผู้บริหารสามารถเรียกลูกค้าได้ เพราะว่ามีเครือข่ายทั่วโลก พอลูกค้าจะมาเมืองไทยก็จะติดต่อเข้ามาก่อน ทำให้สามารถรักษามาตรฐานของระดับลูกค้าไว้ได้ โดยในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจดีก็จะสามารถไปได้เร็วกว่าคนอื่น แต่หากในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ ก็จะแย่น้อยกว่าคนอื่นด้วย เนื่องจากการที่มีเชนระดับโลกมาบริหาร ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าพักโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 85%
เขมชาติ บอกว่า สำหรับความน่าสนใจของกองทุนนี้อยู่ที่มีการให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี เป็นเซอร์วิสต์ อพาร์ทเม้นท์ที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของกรุงเทพมหานคร โดยมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และที่ผ่านมาได้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 1 ครั้ง ในวันที่ 10 มีนาคม 2551 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.4906 บาทต่อหน่วยลงทุน
ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ มีนโยบายในการลงทุนครั้งแรกกองทุนรวมจะทำการลงทุนในทรัพย์สินที่ลงทุนซึ่งโกลเด้น แลนด์ (เมย์แฟร์) เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้ใช้ในการดำเนินกิจการโครงการเดอะ เมย์แฟร์ แมริออท อยู่ปัจจุบัน โดยโครงการเมย์แฟร์ ตั้งบนเลขที่ 60 ซอยหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นอาคารสูง 26 ชั้น ชั้นใต้ดิน 5 ชั้น ที่จอดรถจำนวน 175 คัน ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 26,424 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยรวม 16,000 ตารางเมตร แบ่งเป้นประเภทสตูดิโอ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน โดยมีห้องนอนรวมทั้งหมด 263 ห้องนอน โดยขนาดของห้อง (Suite) มีตั้งแต่ 54 ถึง 184 ตารางเมตร
สำหรับการลงทุนในอนาคต บริษัทจัดการจะมุ่งเน้นการลงทุนโดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ และ/หรือสิทธิการเช่าในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย และ/หรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นใด
ทั้งนี้ กองทุนจะทำการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวโดยการให้เช่าให้เช่าช่วงหรือจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหน่วยลงทุนและกองทุน นอกจากนี้การลงทุนโดยวิธีอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และประกาศที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันและที่จะได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
โดยนับจากต้นปีที่ผ่านมา มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเปิดเสนอขายแล้วรวม 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PFFUND) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) และล่าสุด ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF) ของ บลจ.เอ็มเอฟซี
ดังนั้น โอกาสที่ขนาดของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม (เอ็นเอวี) เพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาท มีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน แม้ว่าหลาย บลจ.จะแอบบ่นไม่ได้ว่ากองทุนที่ลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดิน และอาคารจะค่อนข้างหาได้อย่างลำบากยากเย็นก็ตาม อย่างไรก็คิดว่าไม่เกินความสามารถ และฝีมือของผู้บริหารแต่ละท่านอยู่แล้ว
วันนี้ "Best of Fund" ขอพาไปดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายงานโดยบริษัทจัดการกองทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่ามีกองทุนใดที่สามารถให้ผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจบ้าง พร้อมกับมุมมองของผู้บริหารกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 โดยจะมาเผยถึงนโยบายในการเลือกลงทุนว่าเป็นอย่างไรจึงสามารถคว้าแชมป์มาได้
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด โดยกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ 4.75% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.75% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 23.88% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0%
อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทหารไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.40% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.40% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 6.40% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.45%
อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.31% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.31% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.12% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.75%
อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.19% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.19% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.67% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.66%
อันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.75% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.75% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0%
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.59% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.59% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.48% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.74%
อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลี่ยนแนร์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.37% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.37% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.89% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.23%
อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.31% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.31% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.65% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.58%
อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.24% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.24% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.76% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.85%
และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ้นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.17% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.17% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.95% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 9.04%
เปิดกลยุทธ์แชมป์อันดับ
เขมชาติ สุวรรณกุล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า การที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) สามารถให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากกองทุนลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ มีทำเลที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร และเป็นเซอร์วิสต์ อพาร์ทเม้นท์ที่มีทีมผู้บริการอย่างบริษัท แมริออท โอเต็ลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาบริหาร
นอกจากนี้ ผู้บริหารคือแบรนด์ที่ดี โดยผู้บริหารสามารถเรียกลูกค้าได้ เพราะว่ามีเครือข่ายทั่วโลก พอลูกค้าจะมาเมืองไทยก็จะติดต่อเข้ามาก่อน ทำให้สามารถรักษามาตรฐานของระดับลูกค้าไว้ได้ โดยในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจดีก็จะสามารถไปได้เร็วกว่าคนอื่น แต่หากในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ ก็จะแย่น้อยกว่าคนอื่นด้วย เนื่องจากการที่มีเชนระดับโลกมาบริหาร ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าพักโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 85%
เขมชาติ บอกว่า สำหรับความน่าสนใจของกองทุนนี้อยู่ที่มีการให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี เป็นเซอร์วิสต์ อพาร์ทเม้นท์ที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของกรุงเทพมหานคร โดยมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และที่ผ่านมาได้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 1 ครั้ง ในวันที่ 10 มีนาคม 2551 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.4906 บาทต่อหน่วยลงทุน
ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ มีนโยบายในการลงทุนครั้งแรกกองทุนรวมจะทำการลงทุนในทรัพย์สินที่ลงทุนซึ่งโกลเด้น แลนด์ (เมย์แฟร์) เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้ใช้ในการดำเนินกิจการโครงการเดอะ เมย์แฟร์ แมริออท อยู่ปัจจุบัน โดยโครงการเมย์แฟร์ ตั้งบนเลขที่ 60 ซอยหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นอาคารสูง 26 ชั้น ชั้นใต้ดิน 5 ชั้น ที่จอดรถจำนวน 175 คัน ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 26,424 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยรวม 16,000 ตารางเมตร แบ่งเป้นประเภทสตูดิโอ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน โดยมีห้องนอนรวมทั้งหมด 263 ห้องนอน โดยขนาดของห้อง (Suite) มีตั้งแต่ 54 ถึง 184 ตารางเมตร
สำหรับการลงทุนในอนาคต บริษัทจัดการจะมุ่งเน้นการลงทุนโดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ และ/หรือสิทธิการเช่าในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย และ/หรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นใด
ทั้งนี้ กองทุนจะทำการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวโดยการให้เช่าให้เช่าช่วงหรือจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหน่วยลงทุนและกองทุน นอกจากนี้การลงทุนโดยวิธีอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และประกาศที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันและที่จะได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
