บลจ.กสิกรไทยเป็นปลื้ม ลูกค้าตอบรับกองทุนเปิดเคตราสารรัฐระยะสั้นอย่างล้นหลาม เผย 3เดือนแรกของปี รับเงินลงทุนใหม่เกือบ 3 หมื่นล้านดันเอ็นเอวีกองทุนโตแตะระดับ 4.8 หมื่นล้านบาท ระบุได้ปัจจัยหนุน จากการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงต่ำ ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ด้านกองทุนตราสารทุนยังโชว์ฟอร์มบริหารเข้าเป้า เตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 0.67 บาทต่อหน่วย
นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ลงทุน ส่งผลให้กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนไปแล้วถึง 6 ครั้ง ล่าสุด ณ วันที่ 3 เมษายน 2551 กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิถึง 48,833.00 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้กองทุนดังกล่าวได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากผู้ลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงต่ำ ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทน สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการเช่นเดียวกับเงินฝาก และได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดจากทำรายการขาย (T+1) ซึ่งกองทุน K-TREASURY สามารถตอบสนองความต้องการลงทุนดังที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ระยะสั้นประเภท รับซื้อคืนหน่วยลงทุน เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น โดยไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สามารถทำรายการซื้อขายที่ธนาคารกสิกรไทย กว่า 600 สาขาทั่วประเทศ หรือที่ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทั้งยังสามารถเลือกทำรายการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ K-ATM (บริการธนาคารทางเอทีเอ็มกสิกรไทย) K-Contact Center (บริการธนาคารทางโทรศัพท์กสิกรไทย) โทร. 0-2888-8888 กด 4 เข้าสู่บริการกองทุนรวม และ K-Cyber Invest (บริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเตอร์เน็ตกสิกรไทย) ที่เว็บไซต์ www.kasikornasset.com ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ นอกจากกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศจะได้รับความนิยมอย่างสูงแล้ว กองพันธบัตรต่างประเทศที่บริษัทเปิดขายในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เพิ่มอีก 4 กองทุนในช่วงเดือนเมษายนนี้ หลังจากกองทุนเปิด เค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ทั้ง 6 กองทุน ที่เสนอขายต่อเนื่องตลอดเดือนมีนาคม สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาอันสั้นด้วยยอดขายกว่า 11,500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี ที่จะเปิดขายในเดือนนี้ประกอบด้วยกองทุนที่มีขนาด 3,300 ล้านบาท จำนวน 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี จี เปิดขายวันที่ 2 – 8 เมษายน และกองทุนที่มีขนาด 3,500 ล้านบาท จำนวน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอช เปิดขายวันที่ 8 – 16 เมษายน กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ไอ เปิดขาย 11 – 17 เมษายน และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เจ ซึ่งจะเปิดขายวันที่ 18-24 เมษายน 2551
โดยกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ที่จะเสนอขายในเดือนเมษายน มีขนาดค่อนข้างเล็ก จึงจะมีการจัดสรรแบบจองซื้อก่อนได้ก่อน และจะปิดการขายทันทีเมื่อขายได้ตามขนาดโครงการโดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันเสนอขายวันสุดท้าย ผู้ที่สนใจลงทุน สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลีได้ที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา และ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
อนึ่ง รายงานข่าวจากบลจ.กสิกรไทย เปิดเผยอีกว่า นอกจากการตอบรับในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นข้างต้นแล้ว ด้านกองทุนรวมตราสารแห่งทุน ก็ยังคงได้รับสนใจจากผู้ลงทุน และบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ล่าสุดบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 (RKF-HI2) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 ถึง 31 มีนาคม 2551 ในอัตรา 0.67 บาทต่อหน่วย มูลค่าของการจ่ายปันผลในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 68,220,399.08 บาท โดยบริษัทมีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนดังกล่าว ในวันที่ 30 เมษายน นี้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 22 มีนาคม 2537 มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 13 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 7.07 บาทต่อหน่วย
นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ลงทุน ส่งผลให้กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนไปแล้วถึง 6 ครั้ง ล่าสุด ณ วันที่ 3 เมษายน 2551 กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิถึง 48,833.00 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้กองทุนดังกล่าวได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากผู้ลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงต่ำ ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทน สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการเช่นเดียวกับเงินฝาก และได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดจากทำรายการขาย (T+1) ซึ่งกองทุน K-TREASURY สามารถตอบสนองความต้องการลงทุนดังที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ระยะสั้นประเภท รับซื้อคืนหน่วยลงทุน เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น โดยไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สามารถทำรายการซื้อขายที่ธนาคารกสิกรไทย กว่า 600 สาขาทั่วประเทศ หรือที่ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทั้งยังสามารถเลือกทำรายการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ K-ATM (บริการธนาคารทางเอทีเอ็มกสิกรไทย) K-Contact Center (บริการธนาคารทางโทรศัพท์กสิกรไทย) โทร. 0-2888-8888 กด 4 เข้าสู่บริการกองทุนรวม และ K-Cyber Invest (บริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเตอร์เน็ตกสิกรไทย) ที่เว็บไซต์ www.kasikornasset.com ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ นอกจากกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศจะได้รับความนิยมอย่างสูงแล้ว กองพันธบัตรต่างประเทศที่บริษัทเปิดขายในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เพิ่มอีก 4 กองทุนในช่วงเดือนเมษายนนี้ หลังจากกองทุนเปิด เค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ทั้ง 6 กองทุน ที่เสนอขายต่อเนื่องตลอดเดือนมีนาคม สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาอันสั้นด้วยยอดขายกว่า 11,500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี ที่จะเปิดขายในเดือนนี้ประกอบด้วยกองทุนที่มีขนาด 3,300 ล้านบาท จำนวน 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี จี เปิดขายวันที่ 2 – 8 เมษายน และกองทุนที่มีขนาด 3,500 ล้านบาท จำนวน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอช เปิดขายวันที่ 8 – 16 เมษายน กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ไอ เปิดขาย 11 – 17 เมษายน และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เจ ซึ่งจะเปิดขายวันที่ 18-24 เมษายน 2551
โดยกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี ที่จะเสนอขายในเดือนเมษายน มีขนาดค่อนข้างเล็ก จึงจะมีการจัดสรรแบบจองซื้อก่อนได้ก่อน และจะปิดการขายทันทีเมื่อขายได้ตามขนาดโครงการโดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันเสนอขายวันสุดท้าย ผู้ที่สนใจลงทุน สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลีได้ที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา และ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
อนึ่ง รายงานข่าวจากบลจ.กสิกรไทย เปิดเผยอีกว่า นอกจากการตอบรับในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นข้างต้นแล้ว ด้านกองทุนรวมตราสารแห่งทุน ก็ยังคงได้รับสนใจจากผู้ลงทุน และบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ล่าสุดบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 (RKF-HI2) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 ถึง 31 มีนาคม 2551 ในอัตรา 0.67 บาทต่อหน่วย มูลค่าของการจ่ายปันผลในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 68,220,399.08 บาท โดยบริษัทมีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนดังกล่าว ในวันที่ 30 เมษายน นี้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 22 มีนาคม 2537 มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 13 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 7.07 บาทต่อหน่วย