xs
xsm
sm
md
lg

คอมอดิตี้-REATsเนื้อหอม บลจ.สนใจจับตั้งกองทุนเอฟไอเอฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซีชี้ "สินค้าโภคภัณฑ์-เกษตร-REATs" เมืองนอกน่าสน แม้เผชิญมรสุมปัจจัยลบสารพัด พร้อมระบุสตรัคเจอร์โน้ต ที่จ่ายผลผลตอบแทนอิงการเปลี่ยนแปลงดัชนีทั้งในและนอกประเทศ จ่อคิวกลับมาสดใสอีกรอบ ด้าน "แมนูไลฟ์" เตรียมเข็นกองเอฟไอเอฟในพอร์ตเร่งทำตลาด เผยสนใจลงทุนคอมอดิตี้ เหตุความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ปลื้มลูกค้าตอบรับ MS-EE EURO ตั้งเป้าเอ็นเอวีขยับเป็น 900 ล้านบาทภายในปีนี้

นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการออกกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) อย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนของเราจะเน้นลงทุนแบบ Thematic หรือการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละประเภท เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน ซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญกับการลงทุนที่เอาชนะอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในขณะนี้เป็นหลัก

โดยสินทรัพย์ที่เรามองว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนต่างประเทศ คงเป็นการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) สินค้าเกษตร และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ (REATs) ถึงแม้ที่ผ่านมาการลงทุนเหล่านี้ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ปัจจุบันมาราคาปรับขึ้นไปค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรือราคาทองคำ ซึ่งปัจจัยนี้เองทำให้เกิดความกังวลว่าถ้าเข้าไปลงทุนตอนนี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ ส่วนการลงทุนในกลุ่มสินค้าเกษตรทั่วโลก ยังมองว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง

ในขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ มองว่าช่วงที่ราคาปรับลดลงมาจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐ เป็นจังหวะที่น่าจะเข้าไปเก็บของถูกได้ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเอง เป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องค่อนข้างสูง และมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ค่อนข้างหลากหลายอยู่ในกองทุนเดียวกันอย่างน้อย 6 ประเภทขึ้นไป ขณะเดียวกัน การลงทุนนี้ไม่ได้มีเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น แต่ในฮ่องกง หรือออสเตรเลียก็น่าสนใจด้วยเช่นกัน

"ในปัจจุบันหลักเกณฑ์การลงทุนในกองทุนอสังหาต่างประเทศ อนุญาตให้สามารถลงทุนใน REATs ได้เพียง 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเท่านั้น ซึ่งหากมีการแก้ไขให้กองทุนสามารถลงทุนได้เต็ม 100% น่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยเอ็มเอฟซี เองก็มีการลงทุนใน REATs บ้าง แต่เป็นการลงทุนในดัชนี ETF ของกองทุนอสังหาทั่วโลก"นายศุภกรกล่าว

นอกจากนี้ การลงทุนในตราสารหนี้จัดโครงสร้าง หรือ สตรัคเจอร์โน้ต (Structured Note) ซึ่งเป็นกองทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีใดดัชนีหนึ่ง หรือการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ทั้งในและต่างประเทศจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บลจ.แมนูไลฟ์(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทจะเน้นการนำกองทุนที่มีอยู่แล้ว ทั้งกองทุนในประเทศและต่างประเทศมาทำการตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทุนให้ใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ศึกษารูปแบบของกองทุนใหม่ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน แต่จะต้องเป็นกองทุนที่มีรูปแบบที่แตกต่างและเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ลงทุน สำหรับกองทุนในประเทศเรากำลังวางแผนจะออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก ส่วนกองทุนต่างประเทศกำลังศึกษาถึงรูปแบบของสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน โลหะ ตลอดจนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศด้วย

ทั้งนี้ รูปแบบกองทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างสินค้าโภคภัณฑ์เอง มีปริมาณความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ปริมาณของสินค้าโภคภัณฑ์กลับมีไม่เพียงพอ ถ้าดูจากเงื่อนไขนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีกในระยะยาว โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผลิตทดแทนใหม่ได้ (Soft Commodity) แต่ถ้าจะทำออกมาเป็นกองทุนเราคงจะผสมผสานสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน มากกว่าที่จะไปเลือกเพียงประเภทใดประเภทหนึ่ง

"สินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ดี ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อเช่นนี้ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์จึงถือว่ามีความน่าสนใจเช่นเดียวกัน เราเองกำลังศึกษาอยู่ แต่จะนำเสนอเป็นกองทุนหรือไม่นั้นตรงนี้คงต้องขึ้นกับจังหวะตลาดและความต้องการของลูกค้าด้วย เพราะเราเองอยากจะทำกองทุนที่ดีที่สามารถระดมทุนได้ขนาดใหญ่เพียงพอมากกว่าที่จะออกกองทุนจำนวนมากแต่ได้ขนาดกองทุนที่ไม่ใหญ่นัก"นายอลันกล่าว

นายอลันกล่าวว่า สำหรับกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตรงค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป เอฟไอเอฟ (MS-EE EURO) ซึ่งเป็นกองทุนเอฟไอเอฟของบริษัทเอง ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไอพีโอสามารถระดมทุนมาได้ประมาณ 300 ล้านบาท แต่ปัจจุบันกองทุนมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 796 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 165.33% ส่วนหนึ่งเพราะมีลูกค้าที่เขามีความรู้ความเข้าใจและสามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงได้

สำหรับกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทิร์น ยุโรป ฟันด์(คลาส A) ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน MS-EE EURO จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลักเซมเบิร์กตั้งแต่เดือนมิ.ย.1997 มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปีอยู่ที่ 30.2% ย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 617.5% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 612.0% ซึ่งถือว่าเป็นระดับผลตอบแทนที่ดีมาก ในจังหวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงมาจึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออกซึ่งยังมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตไปได้อีกในระยะยาว ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะเพิ่มขนาดของกองทุน MS-EE EURO ในปีนี้ขึ้นไปที่ระดับ 900 ล้านบาท

"การลงทุนในหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ยังมีความน่าสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากผลกระทบของปัญหาซับไพรม์ เห็นได้จาก P/E ของหุ้นในกลุ่มประเทศดังกล่าวขยับลงมาอยู่ที่ระดับ 6-8 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก นอกจากนี้หุ้นที่กองทุนหลักไปลงทุนส่วนใหญ่แล้วจะจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกา มีเพียงส่วนน้อยที่เข้าไปลงทุนโดยตรงซึ่งทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องของปัจจัยการเมืองค่อนข้างมาก" นายอลันกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น